FES☆TIVE
ครั้งนี้เป็นครั้งที่ 2 ของวงไอดอลธีมงานเทศกาล 8 คน ที่เข้ามาแสดงในประเทศไทย ผมได้มีโอกาสไปดูการแสดงและถ่ายรูปตอนที่วงมาไทยครั้งแรกในงาน Connect Japan 2015 แต่ช่วงนั้นผมยุ่ง ๆ อยู่หลายเรื่อง เลยไม่มีโอกาสได้เขียนเล่าลงในบล็อก
จุดแข็งของ FES☆TIVE ที่ไม่ควรจะพลาดคือการแสดงสดบนเวที ซึ่งแม้ว่าผมจะเคยดูการแสดงของวงไปแล้วครั้งนึงเมื่อปีที่แล้ว แต่พอได้กลับมาดูอีกทีปีนี้ทั้งรอบของวันแรกและวันสุดท้าย รู้สึกว่ามันสนุกขึ้นกว่าเดิม สนุกกว่าฟังเพลงของวงหรือดูบันทึกการแสดงเฉย ๆ ผ่านหน้าจอ โดยเฉพาะการแสดงสีหน้าของโฮมี่ตามช่วงต่าง ๆ ของเพลง ที่ต้องมาดูเขาแบบตัวเป็น ๆ เท่านั้น
หลังการแสดงรอบแรกของงานวันที่หนึ่ง ผมได้มีโอกาสเข้าไปจับมือกับเหล่าสมาชิกในวันแรกด้วย ตอนจับมือก็ชมว่าแสดงกันได้ดีมากเลย ซึ่งสมาชิกก็จะขอบคุณกลับมา แล้วก็ทักว่าภาษาญี่ปุ่นเก่งนะ ผมก็ตอบกลับไปว่าได้แค่นิดหน่อยเอง
ช่วงเย็นของงานวันสุดท้าย ตอนผมกลับเข้ามาในงานหลังทานข้าวเย็น ไปเห็นทางวงเปิดให้ถ่ายรูปด้วยกล้อง Instax แต่เขาปิดรับคนเข้าไปถ่ายแล้ว ก็เลยอุดหนุนแผ่นซิงเกิ้ลของวง ซึ่งเรอันที่เป็นคนขายก็ได้แกะห่อพลาสติกแล้วเซ็นลายเซ็นลงบนตัวแผ่น ก่อนที่จะส่งให้มิซึกิกับฮิโยะจังที่ยืนอยู่ข้าง ๆ เซ็นให้ด้วย
หลังจากนั้นทางวงก็เปิดให้จับมือกับสมาชิกอีกรอบ รอบนี้ก็ทักโคโตเนะที่เอาที่ปิดตาออกว่าตาเขาเป็นอะไรหรือเปล่า แต่ดูเหมือนว่าจะไม่เป็นอะไร สงสัยว่าที่ปิดตาจะเป็นพล็อพของเขามากกว่า
ก่อนที่วงจะออกจากงาน มีแฟน ๆ ของวงทำตุ๊กตาหมีใส่ชุดไทยให้กับสมาชิกของวงด้วย ซึ่งสีของชุดที่ตุ๊กตาใส่ก็จะตรงกับสีประจำตัวของสมาชิกที่ได้รับตุ๊กตาตัวนั้นด้วย
notall
ในงาน Connect Japan 2015 ปีที่แล้วนอกจาก FES☆TIVE แล้ว ก็ยังมีวงไอดอล 4 คนที่ได้แฟน ๆ จาก social network มามีส่วนร่วมในการโปรดิวซ์มาร่วมงานด้วย ซึ่งครั้งนี้ก็เป็นครั้งที่ 2 ของวงที่มาแสดงในเมืองไทย
เนื่องจากปีที่แล้ว ผมพลาดไม่ได้ดูการแสดงของ notall เพราะไปทานข้าวแล้วกลับมาไม่ทันดูการแสดงตั้งแต่ต้น ผมเลยค่อนข้างตั้งใจที่จะดูการแสดงของวงมาก ซึ่งก็ไม่ผิดหวัง โดยเฉพาะเพลง Penguin Ningen ซึ่งวงก็ได้แสดงกันอย่างน่ารักมาก
และสิ่งที่ผมประทับใจอีกอย่างคือ สมาชิกพูดภาษาไทยชัดมาก ซึ่งผมมาเจอที่หลังตอนเดินไปแถว ๆ หลังเวทีว่า สมาชิกซ้อมพูดภาษาไทยกับล่ามอยู่
ในส่วนของกิจกรรมนอกเหนือจากการแสดง ทางวงเปิดให้ถ่ายรูปร่วมกับวงคล้ายกับงานในปีที่แล้ว แต่ที่แตกต่างกันคือสมาชิกจะไม่ได้มาเดินไปเดินมาในงานให้ถ่ายรูปเหมือนงานคราวที่แล้ว แต่จัดสถานที่ยืนและเข้าคิวอย่างชัดเจน
ถึงแม้ว่าช่วงถ่ายรูปจะอนุญาตให้ใช้กล้องจากโทรศัพท์ในการถ่ายรูปได้ แต่ในงานก็มีแจกบัตรถ่ายรูปด้วยกล้อง Instax ให้สำหรับคนที่ซื้อสินค้าของวง พอดีผมอยากได้แผ่นเพลงของวงมาฟัง ก็เลยได้บัตรที่ว่ามา 2 ใบ
รอบที่ผมไปถ่ายรูปกับสมาชิกวงคือรอบวันสุดท้ายของงาน ซึ่งพอหลังแสดงเสร็จ สมาชิกของวงก็จะยืนให้ถ่ายรูปอยู่บนเวทีต่อเลย ซึ่งเจ้าหน้าที่จะจัดให้คนที่มีบัตรถ่ายรูปขึ้นมาถ่ายให้หมดก่อน จึงจะให้คนที่เอากล้องมือถือมาถ่ายขึ้นมาถ่ายต่อ
แต่สำหรับคนที่มีบัตรถ่ายรูป 2 ใบอย่างผม เจ้าหน้าแจ้งว่าจะให้ไปถ่ายรูปอีกครั้งตรงข้างหลังเวที ผมก็เลยได้รูป Instax ที่มีพื้นหลังต่างกันมา 2 ใบ ส่วนการพูดคุยระหว่างถ่ายรูปนั้น ผมไม่ได้พูดอะไรกับสมาชิกเลย เพราะคนถ่ายรูปเยอะมาก
AKB48
พอดีช่วง AKB48 ขึ้นเวที เขาห้ามถ่ายรูป เลยต้องไปยืมรูปจากเพจของงานแทนครับ
สำหรับคนที่ติดตามสื่อของประเทศญี่ปุ่น คงไม่มีใครที่จะไม่รู้จักวงไอดอลที่มียอดขายแผ่นเป็นอันดับหนึ่งอย่าง AKB48 ไปได้ งานคราวนี้ทางวงส่งสมาชิกมา 5 คน และเป็นคนที่ถ้าไม่ใช่คนตามวงกันจริงจังอาจจะไม่รู้จัก เพราะวันงานดันไปตรงกับงาน Request Hour ที่ญี่ปุ่น อย่างไรก็ตามมาตรฐานการแสดงของวงยังคงถูกรักษาเอาไว้ได้เป็นอย่างดี เสียดายที่เวลาแสดงมีน้อยมาก เพราะต้องแบ่งเอาไว้สำหรับช่วงตอบคำถามทางบ้านและเล่นเกม เลยรู้สึกไม่ค่อยเต็มอิ่มเท่าไร
ส่วนตัวผมไม่ค่อยประทับใจในภาพรวมเท่าไร แต่การมาของสมาชิกก็ทำให้นึกถึงตอนที่ไปดูการแสดงของวงที่เธียเตอร์เหมือนกัน
พอดีผมได้ร่วมเล่นเกมบนแฟนเพจของเจ้าของงาน จบงานจึงได้รับของที่ระลึกเป็นสติ๊กเกอร์ฉลองครบรอบ 10 ปีของเธียเตอร์ที่อากิฮาบาระด้วย ซึ่งก่อนจะได้สติ๊กเกอร์นี้ ทีมงานก็มีแบบสอบถามมาให้ทำ ซึ่งคาดได้ว่าทางทีมงานคงจะจัดให้ AKB48 มาเมืองไทยอีกรอบก็เป็นไปได้
สรุป โดยรวมแล้ว ผมว่างาน Japan Expo Thailand นี่ใช้ได้ทีเดียวเลยนะ ให้บรรยากาศน้อง ๆ งานรวมไอดอลที่ญี่ปุ่นที่เคยไปมาเลย แต่ผมชอบมากกว่าที่จำนวนวงไม่ได้เยอะมากจนทำให้อดดูการแสดงหรือเข้าร่วมกิจกรรมกับสมาชิกของวง ซึ่งในวันจริงผมก็ยังมีพลาดดูการแสดงของบางวงด้วยเหมือนกัน ใครที่สนใจจะไปงานไอดอลที่ญี่ปุ่น งานนี้ก็ถือเป็นงานสำหรับซ้อมมือได้เป็นอย่างดี
ถ้าไม่มีอะไรมาขั้นเสียก่อน ผมก็จะเขียนถึงทริปญี่ปุ่นรอบล่าสุดต่อไปนะครับ ใครตามอ่านบล็อกไปเที่ยวก็คอยติดตามตอนใหม่กันได้เร็ว ๆ นี้