จากตอนที่แล้ว ผมได้นั่งรถไฟจากสถานีชิบูย่า มาลงที่สถานีฮาราจุกุ เพื่อมาชมศาลเจ้าเมจิ ซึ่งเป็นเป็นศาลเจ้าที่สร้างขึ้นเพื่ออุทิศให้ดวงวิญญาณของจักรพรรดิ์เมจิครับ
การเดินทางนั้น สามารถนั่งรถไฟสาย Yamanote มาลงที่สถานี Harajuku แล้วเดินไปอีกนิดหน่อย
หรือถ้าใช้บริการ Tokyo Metro ก็ให้มาลงที่สถานี Meiji-Jingumae ซึ่งพอขึ้นมาก็จะเจอทางเข้าพอดี
เจอซุ้มประตูศาลเจ้าล่ะ
พอพ้นจากซุ้มประตูไปแล้ว รู้สึกเหมือนอยู่คนละโลกกับโตเกียวล่ะ อารมณ์หลุดมาเดินในป่าเงียบ ๆ เนื่องจากระยะทางจากข้างหน้าไปยังตัวศาลเจ้าค่อนข้างไกล และพื้นก็เป็นหินกรวด แนะนำให้หารองเท้าที่ใส่ถนัด ๆ และไม่ได้ถนอมมาก มาเดินที่นี้ครับ
เหล้าที่นำมาถวายวัด ฝั่งซ้ายเป็นเหล้าฝรั่ง
ฝั่งขวาเป็นสาเกญี่ปุ่น
เดินมาสักพักจะเจอซุ้มประตูด้านใน ข้างทางจะมีป้ายประวัติศาลเจ้าต่าง ๆ ให้อ่านด้วย
ศาลเจ้าอยู่ข้างหน้าแล้ว อีกอึดใจเดียว
ก่อนจะเข้าศาลเจ้า ก็ต้องทำการชำระล้างกันให้เรียบร้อยก่อน เอาขันตักน้ำมาล้างมือครับ
เข้ามาในเขตศาลเจ้าล่ะ ซึ่งเขาก็จะแบ่งเป็นส่วนชั้นนอกกับชั้นในอีกที ชั้นนอกจะเป็นที่อยู่ของร้านเครื่องรางต่าง ๆ
ชั้นในก็คือตัวศาลเจ้าจริง ๆ ล่ะ ซึ่งข้างหน้าเขาก็จะมีตู้บริจาค ให้เรายืนบูชา ซึ่งใครทำไม่เป็นไม่ต้องกลัว เขามีป้ายภาษาอังกฤษแนะนำไว้บอกอยู่ ข้อควรระวังอีกอย่างคือบริเวณนี้ห้ามถ่ายรูปครับ
ส่วนต้นไม้ใหญ่ทางขวา เอาไว้แขวนป้ายไม้ขอพร ผมเข้าใจว่าป้ายไม้นี้บูชาได้จากร้านเครื่องรางข้างนอก เขียนคำขอ แล้วก็เอาป้ายกลับมาแขวนที่ราวแขวน
ผมบูชา ขอพรเสร็จ เริ่มเห็นคุณตำรวจเข้ามาเดินไปมา พบว่าตอนนี้ได้เวลาปิดของศาลเจ้าแล้ว ผมเลยเดินไปที่ร้านขายเครื่องรางอีกจุดนึง เพื่อเอาแผ่นพับไปประทับตรา ประมาณว่าตรูมาที่นี้แล้ว
ตราปั้มที่ว่าครับ หมึกยังมี แต่ตัวตราสึกหร่อไปเยอะ ภาพที่ได้เลยไม่ค่อยคม
จากนั้นก็แวะร้านเครื่องรางเพื่อบูชาเครื่องรางนิดหน่อย มิโกะประจำร้านนี้น่ารักมากครับ ท่าทางอายุยังน้อย ๆ อยู่เลย
ตอนกลับมาที่ไทย ผมเพิ่งรู้ว่าพวกเครื่องรางต่าง ๆ ที่เราบูชามานั้น มีวันหมดอายุด้วย คือประมาณ 1 ปี เราจะต้องนำเครื่องรางนั้นไปคืนที่ศาลเจ้าไหนก็ได้ เพื่อที่เขาจะได้เอาไปทำพิธีต่อ
ถ้าใครไม่ชอบตราปั้ม สามารถให้มิโกะเช็คชื่อว่าเราเคยมาที่นี้แล้วลงแผ่นพับก็ได้ แต่เสียเงินนะ
ได้เวลาเดินกลับสักที ช่วงนี้คนเริ่มน้อย ถ่ายรูปสะดวกหน่อย
เดินมาถึงข้างหน้า ตำรวจปิดประตูแล้ว
ถึงแม้ว่าจะถึงช่วงเวลาปิดแล้วก็จริง แต่ตำรวจก็จะไม่ได้ถึงขั้นออกแรงไล่เรากลับเลย คือถ้ามีคนเดินเข้ามาแล้ว เขาก็ปล่อยทำธุระได้อีกนิดหน่อย ก่อนที่จะค่อย ๆ เดินมาบอกว่าถึงเวลาปิดแล้ว
ตอนหน้า จะพาไปดูบรรยากาศช่วงเทศกาลคริสต์มาสในย่านรบปงงิกันครับ
Pingback: เที่ยวญี่ปุ่น 2 : ชมวิวบน Tokyo Tower
Pingback: เที่ยวญี่ปุ่น 3 : ศาลเจ้าเมจิ และซื้อของหน้าคอนเสิร์ต Hall Tour 2015 ของวง Ebichu | Silhouette Garden
สอบถามค่ะ ศาลเจ้าปิดประมาณกี่โมงคะ
ตอนที่ผมไปเป็นหน้าหนาว ถ้าจำไม่ผิดปิด 4 โมงครึ่งครับ