นอกเหนือจากการแสดงบนเวที ขายสินค้าไอดอล และเกมต่าง ๆ ในงานยังมีโซนขายอาหารไว้ให้บริการอีกด้วย อาหารที่ขายส่วนมากก็จะเป็นของกินง่าย ๆ เช่น ฮอตดอก ยากิโซบะ
พอดีด้านนอกฝนตกปรอย ๆ ทั้งวัน ผมเลยซื้อฮอตดอก เพราะว่ากินง่ายดีไม่ยุ่งยาก ซึ่งตอนซื้อ คนขาย (ในรูป) ก็ถามว่าจะใส่ซอสอะไรบ้าง ผมก็ตอบเป็นภาษาอังกฤษกลับไป จ่ายเงิน รับเงินทอนตามปกติ แต่ก็เอะใจนิดหน่อยว่า ทำไมคนขายมีออร่าแปลก ๆ ไม่น่าใช่คนขายฮอตดอกทั่ว ๆ ไปแน่นอน
ผมมารู้ที่หลังตอนที่เขียนบล็อกตอนนี้ล่ะครับ ว่าคนที่ขายฮอตดอกให้วันนั้นคือ KOTO ไอดอลที่มาร่วมแสดงในงานวันนั้น
ส่วนฮอตดอก ก็รสชาติธรรมดา ๆ แถมราคาแพงด้วย (500 เยน) ถ้าตอนนั้นรู้ว่าไอดอลเป็นคนขายให้ อาจจะรู้สึกอร่อยมากกว่านี้
นอกเหนือจากฮอตดอก ยังมีน้ำแข็งใสจากร้าน yelo ซึ่งขายโดยสมาชิกจากวง Niji no Conquistador ด้วย ตอนผมยืนกินฮอตดอกอยู่ Nishi Nanami (ในรูปคนซ้ายมือ) รับหน้าที่เป็นคนขายอยู่
ผมเองก็อยากจะเข้าไปอุดหนุนอยู่เหมือนกัน แต่พอดีผมมีแปลนไปดูคอนเสิร์ตต่อ ไม่สะดวกถือน้ำแข็งใสถ้วยใหญ่ ๆ ตอนนั้น พอจะกลับมาซื้ออีกที ก็ไม่มีสมาชิกในวงยืนขายแล้ว เข้าใจว่าต้องไปเตรียมตัวแสดงบนเวที และที่น่าเสียดายยิ่งกว่า คือเธอจบการศึกษาจากวงไปหลังงานนี้ 3 เดือน
พอทานฮอตดอกเสร็จ ผมก็ไปยังเวทีเต๊นท์ เพื่อดูวงไอดอลฮิปฮ็อป Rhymeberry กับไอดอล EDM ที่กำลังมาแรงอย่าง Stereo Japan ซึ่งในงานนี้มาทั้งวง Stereo Tokyo และ Stereo Osaka ที่ปัจจุบันแยกตัวจาก Stereo Japan ไปเป็นวง Edge Dub Monkeyz ผลัดกันขึ้นมาเล่น แล้วเล่นเพลงสุดท้ายปิดด้วยกัน
ในบรรดาไลฟ์ที่ดูมาทั้งหมดในงาน ผมยกให้ช่วง Rhymeberry กับ Stereo Japan นี่ดีที่สุดในงาน เพราะผู้จัดงานจัดตารางให้ทั้ง 2 วงที่มีแนวเพลงคล้าย ๆ กัน มาเล่นต่อกัน แถมช่วง Stereo Japan โปรดิวเซอร์ของวง แอบเดิน ๆ เขามากลางดงคนดู แล้วดึงพลุสายรุ้งขึ้นมา ช่วยบิ้วด์อารมณ์ช่วงท้ายของเพลงที่กำลังพีค ๆ ด้วย
สำหรับบรรยากาศช่วงที่ Stereo Japan ขึ้นเล่นในงาน สามารถชมได้จาก PV เพลง Anthem ประมาณนาทีที่ 2:58 ครับ
พอจบการแสดงของ Stereo Japan ผมก็รีบไปเข้าคิวแถวจับมือของ e-street ที่อยู่ใกล้ ๆ กันต่อเลย เพราะใกล้ถึงเวลาที่เขาจะปิดรับคิวพอดี
แถวจับมือของ e-Street สมาชิกยืนจะเรียงตามในรูปด้านบนเลย ซึ่งจากสมาชิกที่มางานทั้งหมด ผมจำหน้าได้แค่ นัตตันที่มาจากซับโปโร (คนแรก) อาคาริงโกะและไอรินที่มาจากโตเกียว (สองคนสุดท้าย)
ตอนที่บอกไปว่ามาจากไทย ส่วนมากทุกคนก็จะดีใจกัน มีปรบมือให้ด้วย ส่วนอาคาริงโกะที่ผมอยากเจอมานาน เจอตัวจริงแล้วน่ารักมาก ไม่น่าเชื่อว่าอายุ 16 – 17 ปี ไอรินที่ยืนข้าง ๆ ยังดูเป็นผู้ใหญ่กว่า ส่วนไอรินก็น่ารัก ดูเรียบร้อยมาก
หลังจากผ่านงานจับมือของไอดอลเครือ iDOL Street ไป 3 งาน (GEM, Wa-Suta และ e-Street) ผมรู้สึกว่า เวลาที่ใช้ในการจับมือนั้น น้อยกว่างานจับมือของตระกูล 48 และ Nogizaka46 มาก คือ 1 รอบไม่พอ แต่จะไปจับอีกรอบ ต่างชาติอย่างผมก็ไม่รู้จะคุยอะไร
สุดท้ายแล้ว ผมว่าการที่ได้เจอไอดอลที่เราติดตามอยู่ในระยะใกล้ ๆ ได้คุยให้กำลังใจกันนิด ๆ หน่อย ๆ ก็ดีใจแล้วนะ
จบจากงานจับมือของ e-Street แล้ว ผมก็อยู่แถวเวทีกลางแจ้ง ยืนดูวง Osaka Syunkasyuto กับ Yamaguchi Kassei Gakuen รอเวลาที่ Cheeky Parade ขึ้นเล่น
พอ Cheeky Parade ขึ้นเล่น ก็ไม่สร้างความผิดหวังเลย พวกนางร้องเล่นเต้นกันดีมาก ถึงแม้ว่าพื้นเวทีมันจะเปียกก็ตาม ส่วนคนดูนี้ก็ถอดเสื้อทำ crowd surfing กันใหญ่
หลังจากดูการแสดงของ Cheeky Parade จบแล้ว ผมก็เข้าไปหาที่นั่งตรงเวทีในร่ม แล้วก็นั่งดูการแสดงในนั้นยาว ๆ เลย มีแอบเผลองีบบ้างนิดหน่อย บางจังหวะ
ถ้าไม่นับตอนคอนเสิร์ตของ GEM ก่อนหน้า นี้เป็นครั้งแรกที่ผมได้ดูการแสดงของ Wa-Suta แบบเต็ม ๆ ซึ่งก็ไม่ทำให้ผิดหวังครับ
ส่วน Niji no Conquistador ที่ผมเคยดูการแสดงแบบชุดเล็กไปเมื่อตอนกลางปี ก็ได้มีโอกาสดูการแสดงแบบเต็ม ๆ วง แต่เสียดายที่โมเอะ (คนที่ผมเคยถ่ายรูปด้วย) ไปออกงานที่ฝรั่งเศส เลยไม่ได้อยู่แสดงในงาน
วงที่ผมตั้งใจจะมาดูอีกวงคือ Idolrenaissance ที่ผมเคยได้ดูการแสดงผ่านจอวงจรปิดนอกงานเมื่อปีที่แล้ว รอบนี้ได้แก้มือ ดูการแสดงของวงแบบสด ๆ ผ่านตาตัวเองสักที รู้สึกประทับใจกว่าดูผ่านจอมาก โดยเฉพาะเพลง 17 sai ที่ได้ไอดอลจากวงอื่น ๆ มาร่วมกันร้องด้วย
GEM นี่ก็ดูกันจนเบื่อเลย เห็นหน้ากันมาตั้ง 3 วันในทริปนี้ เพลง Do You Believe? ยังคงแปลงสภาพงานให้กลายเป็นฟลอร์เต้นได้เป็นอย่างดี
วงสุดท้ายที่ผมได้มีโอกาสดูในงานคือ Babyraids Japan ซึ่งผมก็ยังไม่อินกับเพลงใหม่ ๆ ของวง เหมือนกับเพลงเก่า ๆ เช่น Koyomi no Ue de ha December และท่าเต้นแบบเฉื่อย ๆ ของริโอะตัน แต่เท่าที่ดูแฟน ๆ เจ้าบ้าน เพลงน่าจะมันมากจนถึงขนาดมีคนทำ crowd surfing หลายคน ซึ่งมีบางคนก็พลาดตกลงมาด้วย
ระหว่างที่ดู ก็มีเหตุการณ์น่าตื่นเต้นที่ผมไม่คิดว่าจะได้เจอ คือมีคนเมาที่ถูกเพื่อนแบกเข้ามาในบริเวณเวทีในร่มให้นอนพัก ลุกขึ้นมาหยิบกระเป๋าปาเข้าไปในกลุ่มคนดูหน้าเวที งานนี้เกือบวิดวางมวยกันแล้ว ถ้าเพื่อนของคนเมาไม่ไปขอโทษคนโดนกระเป๋าปาใส่ซะก่อน
พอ Babyraids Japan เล่นจบ ก็เป็นเวลาพักของเวทีในร่ม ผมเลยถือโอกาสออกมาถ่ายรูปต้นไผ่ที่แขวนใบอธิษฐานของไอดอลที่มาร่วมงาน ก่อนที่จะออกจากงาน
มองจากด้านนอก Studio Coast คนยังอยู่ในงานเยอะกันอยู่เลย จริง ๆ ผมอยากจะอยู่ต่อ แต่กลัวตกเครื่องกลับบ้าน
ผมเดินกลับไปยังสถานี Shin-Kiba เพื่อนั่งรถไฟกลับไปยังสถานีโตเกียว
ส่วนตัว ผมคิดว่า Idol Yokocho Natsu Matsuri เป็นงานที่มีจำนวนวงไอดอลและกิจกรรมในปริมาณกำลังดี ไม่ได้มีเยอะเหมือนงานใหญ่ ๆ อย่าง Tokyo Idol Festival แต่ถึงกระนั้น ผมเองก็ยังรู้สึกว่าตัวเองก็ยังดูงานได้ไม่ทั่วถึงเท่าไร มีกิจกรรมหลาย ๆ อย่างที่อยากลองเล่นดู แต่เวลาไม่พอ อย่างตกปลาทองในบ่อน้ำแล้วให้ไอดอลเซ็น ถ้ามีโอกาสก็อยากจะกลับไปงานนี้อีกครั้งครับ
ตอนหน้า ผมจะกลับมาเขียนโพสตามรอยละคร Amachan ที่เมือง Kuji กันต่อ คนที่สนใจก็อย่าลืมติดตามอ่านกันนะครับ
Pingback: เที่ยวญี่ปุ่น 3 : ชิมต้นตำรับเมนูหอยเชลล์ที่ Osanai Shokudo | Silhouette Garden
Pingback: เที่ยวญี่ปุ่น 3 : ชมละครเวที mixed blessing! ของคณะ ResetLimit | Silhouette Garden
Pingback: Japan Trip 3 : Goodbye Tokyo. See you next time. | Silhouette Garden
Pingback: เที่ยวญี่ปุ่น 3 : ลาก่อนญี่ปุ่น แล้วเจอกันใหม่ | Silhouette Garden