มุมมองจากกระจกด้านหน้าขบวนจัดว่ากว้าง แต่มีเสากระจกมาบัง
เนื่องจากไม่ค่อยมีรถไฟวิ่งในเส้นทางนี้ถี่ นาน ๆ ทีถึงจะเห็นรถไฟวิ่งสวนสักขบวนนึง
วิวสองข้างทาง ส่วนมากก็จะเป็นป่า แม่น้ำ อุโมงลอดภูเขา ไม่ก็บ้านคน ดูแล้วเงียบสงบดี
นั่งเมื่อย ๆ ในรถไฟเมื่อยมา 2 ชม.ก็ถึงสถานี Miyako ซึงเป็นสถานีปลายทาง
พอดีรถไฟ Kenji ไม่ได้ต้องวิ่งไปไหนต่อ ผมก็เลยถือโอกาสถ่ายรูปขบวนรถไฟสักหน่อย
ภายนอกรถไฟ จะประดับไปด้วยมาสค๊อตประจำจังหวัด Iwate ที่มีชื่อว่า Wanko Kyodai ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจมาจากชามวังโกะโซบะซึ่งเป็นของกินขึ้นชื่อของจังหวัด โดย Wanko Kyodai แต่ละตัวจะเป็นตัวแทนเมืองในภาคต่าง ๆ ของจังหวัด ดังนี้ (เรียงจากซ้ายไปขวา)
- Kokucchi เป็นตัวแทนจากเมืองในภาคเหนือ สัญลักษณ์คือธัญพืช
- Tofucchi เป็นตัวแทนจากเมืองในภาคกลาง สัญลักษณ์คือเต้าหู
- Sobacchi เป็นตัวแทนของจังหวัด Iwate สัญลักษณ์คือวังโกะโซบะ
- Omocchi เป็นตัวแทนจากเมืองทางภาคใต้ สัญลักษณ์คือแป้งโมจิ
- Unicchi เป็นตัวแทนจากเมืองริมชายฝั่ง สัญลักษณ์คือข้าวหน้าหอยเม่น
หน้าตาของขบวนสุดท้ายเหมือนกับขบวนด้านหน้า
สถานีรถไฟของ Sanriku Tetsudo จะอยู่ติดกับสถานีของ JR
คนที่เป็นแฟนละครญี่ปุ่นน่าจะคุ้น ๆ กับสีของขบวนรถไฟในรูป รถไฟขบวนนี้ก็คือรถไฟ Kita-Sanriku Tetsudo ที่อยู่ในเรื่อง Amachan นั่นเอง ซึ่งผมจะเขียนถึงถัดไปภายหลังครับ
ประตูทางเข้า – ออกของสถานี Miyako มีจุดเดียว ตัวสถานีดูใหม่กว่าที่ผมคิดไว้
พอดีผมขนกระเป๋าเสื้อผ้ามาด้วย เลยต้องหาที่ฝากกระเป๋าซะก่อน แต่ตู้ล็อกเกอร์ที่มีจำนวนน้อยนิดหน้าสถานีดันเต็มหมดแล้ว
ระหว่างที่ยืนคิดอยู่ว่าจะทำอย่างไรกับกระเป๋าดี ก็มีคุณลุงที่ประสบปัญหาเดียวกัน พาผมไปฝากกระเป๋าที่ห้องขายตั๋วที่อยู่ข้าง ๆ ทางเข้าสถานี ผมเลยได้ความรู้ใหม่ว่าห้องขายตั๋วตามสถานีเล็ก ๆ เขารับฝากกระเป๋าด้วย แต่ถ้าจะให้ชัวร์ก็ควรถามเขาก่อนว่ารับฝากกระเป๋าไหม
ก่อนไปเที่ยว ก็ขอถ่ายเจ้า Kenji จากด้านนอกสถานีอีกรูป
ตอนต่อไป ผมจะเขียนถึงการปั่นจักรยานไปยังหาด Jodogahama ซึ่งเป็นสถานที่ขึ้นชื่อของเมือง Miyako ใครสนใจก็อย่าลืมติดตามอ่านกันนะครับ