สำหรับส่วนของเครื่องเล่น Tokyo Disneyland จะแบ่งออกเป็น 6 ส่วนด้วยกัน ซึ่งก็จะมีธีมของแต่ละส่วนที่แตกต่างกันไป พวกผมตัดสินใจว่าเราจะวนไปทางซ้ายกันก่อน ซึ่งก็เริ่มจากส่วน Adventureland
Adventureland เป็นส่วนที่มีธีมเรื่องของการผจญภัยตามป่าเขาลำเนาไพร เราจะเริ่มจาก Pirate of the Caribbean ที่จะพาเราล่องเรือดูความเป็นอยู่ของชีวิตโจรสลัด มีฉากต่อสู้ ปล้นสะดมภ์ หาสมบัติที่ซ่อนอยู่ หลาย ๆ คนอาจจะรู้สึกว่า นี้เหมือนกับหนังที่ฉันดูเลยนี้นา ใช่แล้วครับหนังที่เราดู มีที่มาจากเครื่องเล่นตัวนี้แหละ ซึ่งเวอร์ชั่นของญี่ปุ่น ได้มีการอัพเดทโดยเอาตัวละครจากในหนังเพิ่มลงไปด้วย
พวกผมก็ตื่นเต้นไปกับมันมาก ๆ ที่น่าสนใจอีกอย่าง คือเขาปรับสภาพแวดล้อมของเครื่องเล่น แม้กระทั่งกลิ่นของน้ำ ก็รู้สึกว่ากลิ่นมันเค็ม ๆ เหมือนไปอยู่ในทะเลอะไรประมาณนั้น
จริง ๆ ผมมีถ่ายรูปข้างในมาด้วย แต่มารู้เอาหลัง ๆ ว่าเขาห้ามถ่ายรูป และผมคิดว่าการเอารูปข้างในเครื่องเล่นมาโพส ก็คงจะหมดความสนุกสำหรับคนที่ยังไม่ได้ไป ก็เลยไม่ขอโพสนะครับ
ขาออกจากเครื่องเล่น มีร้านขายของที่ระลึกด้วย ขอแตกต่างของร้านขายของที่นี้กับใน World Bazaar ก็คือ ร้านขายของในส่วนเครื่องเล่นจะขายสินค้าที่เป็นธีมประจำเครื่องเล่นของเขาเอง เช่น ถ้าอยากได้ตุ๊กตามิกกี้ลายโจรสลัด ก็ต้องซื้อจากที่นี้อะไรประมาณนั้น
ที่นี้ยังมีตู้ปั้มเหรียญด้วย เลยหยอดขำ ๆ ไป 100 เยน ซึ่งเราก็จะได้เห็นเครื่องมันทำงานตัดแผ่นทองแดง ปั้มลาย มาเป็นเหรียญให้เรา
หน้าตาเหรียญที่ได้ สวยดี ปั้มลายคมมาก ๆ
ต่อมาพวกผมก็เดินไปต่อคิว Jungle Cruise ที่อยู่ข้าง ๆ ขอเล่าถึงการเข้าคิวของที่นี้ ในขณะที่การเข้าคิวที่ดรีมเวิร์ลเมื่อประมาณ 10 กว่าปีที่แล้วของผม ต้องเข้าคิวเครื่องเล่นแบบไม่รู้ว่าต้องรอไปอีกเท่าไร แต่ที่นี้จะมีการปักป้ายบอกชัดเจนเลยว่าถ้าคิวยาวถึงช่วงไหนจะต้องรอเวลาเท่าไร อย่าง Pirate of the Caribbean ที่ผมไปเล่นเมื่อกี๊ ความยาวคิวตอนนั้น = คนปลายแถวต้องรอประมาณ 1 ชม.ครับ
Jungle Cruise เองก็ยังเป็นการล่องเรือตามลำน้ำเหมือนเดิม แต่เปลี่ยนจากไปดูโจรสลัดเป็นท่องป่าดงดิบแทน โดยจะมีคนขับเรือเป็นคนพาเที่ยวและแนะนำสิงสาราสัตว์ที่จะเจอในนี้
จริง ๆ ที่นี้สามารถถ่ายรูปได้ แต่ผมขอยึดนโยบายเดิม เพื่อความตื่นเต้นสำหรับคนที่ยังไม่ได้ไปครับ
ต่อไปเป็น Western River Railroad ที่อยู่บนอาคารเดียวกันกับ Jungle Cruise ตอนที่ผมเข้าคิว คนเริ่มมาเยอะแล้ว คิวเริ่มยาวเป็นประมาณชม.ครึ่งแล้ว
Western River Railroad เป็นรถไฟไอน้ำที่จะพาเราไปชมบริเวณรอบ ๆ ของส่วน Westernland และ Critter Country
ซึ่งส่วน Westernland ก็จะตบแต่งประมาณยุคขุดทอง มีหุบเขา มีคาวบอยอะไรแบบนี้
ตอนรถไฟวิ่งผ่านผู้คน ก็จะมีคนโบกมือให้ด้วย แบบว่าทุกคนที่มานี้อินกับสถานที่กันเต็มที่ ซึ่งเป็นจุดที่ผมชอบนะ ทุกคนมีส่วนร่วมกันดี
ผ่านรถไฟเหาะ Big Thunder Mountain น่าจะเป็นหนึ่งในเครื่องเล่นแนวหวาดเสียวเพียงไม่กี่อย่างของที่นี้ ตอนผมผ่านที่นี้ประมาณเที่ยงพอดี มีคิวยาวประมาณ 4 ชม. รอกันอยู่แล้ว คืออยากเล่นนะ แต่รอนานไม่ไหว เอาเวลาไปเที่ยวที่อื่นดีกว่า
สำหรับเครื่องเล่นและร้านอาหารที่จะมีคนมาเข้าคิวกันเป็นเวลานาน ๆ แบบนี้ ทางสวนสนุกจะมีระบบ FASTPASS อยู่ คือให้เราไปเอาตั๋วที่ระบุช่วงเวลาจากตู้กดข้าง ๆ แล้วพอถึงเวลาบนตั๋ว เราก็ถือตั๋วนี้กลับมาลัดคิวเข้าไปเล่นเครื่องเล่นหรือร้านนั้นได้เลย ที่ดีมาก ๆ ของระบบนี้คือมันฟรีและใช้เบ่งได้จริง ที่ไม่ดีคือตั๋วนี้มันมีน้อยและมักจะโดนคนญี่ปุ่นแย่งกันไปหมดตั้งแต่สวนเปิดแล้ว (วันที่ผมไปสวนเปิด 8.00 น.)
ลงจากรถไฟ ก็ไปเดินเล่นกันใน Swiss Family Treehouse ซึ่งเป็นบ้านต้นไม้ที่เอาคอนเซปจากหนังเก่ามากของดิสนีย์เรื่อง Swiss Family Robison ข้างในก็ไม่มีอะไรมาก เป็นแค่บ้านต้นไม้ธรรมดา แต่ก็เป็นจุดที่เหมาะแก่ถ่ายรูปครับ
The Enchanted Tiki Room: Stitch Presents “Aloha E Komo Mai” เป็นโชว์ Audio-Animatronics หรือหุ่นตัวการ์ตูนพูดได้ ซึ่งก็จะมีเจ้า Stitich จาก Lilo & Stitch มาร่วมแจมด้วย
ตอนผมเข้าไป มันยังไม่เปิดเลย คนก็รอเวลาเปิดกันอยู่ ผมก็เลยข้ามไป
ตอนหน้า เราจะไปเที่ยว Tokyo Disneyland ในส่วนอื่น ๆ กันต่อครับ
Pingback: เที่ยวญี่ปุ่น 2 : ตะลุย Tokyo DisneySea ช่วงเช้า