พอจบจากดูตัวเป็น ๆ ของคันนะจังที่ร้าน ALOOK แล้ว ก็เลยถือโอกาสไปงานอีเวนท์อื่น ๆ ที่จัดในบริเวณนั้นต่อเลย โดยเริ่มจากที่ Shibuya Hikarie ก่อน

งานที่ผมไปก็คืองาน OTOTOY DSD SHOP 2013 ของร้านขายเพลงอินดี้ชื่อดัง OTOTOY ซึ่งจัดงานอยู่ที่ Creative Lounge MOV ใน Creative Space 8/

สำหรับรายละเอียดของงานนี้ ผมเขียนไว้ที่ RE.V-> แล้ว ใครสนใจก็ตามไปอ่านกันได้ครับ

พอเสร็จจากที่ Hikarie ก็เป็นเวลาหาข้าวกินล่ะครับ ซึ่งผมก็ไม่ได้เตรียมหาข้อมูลของกินแถว ๆ นี้ไว้ซะด้วย ไม่รู้จะกินอะไรดี เลยถอยมาตั้งหลักที่ทางออกฮาจิโกะของสถานีรถไฟก่อน

และรอบนี้ก็ได้มีโอกาสถ่ายรูปเจ้าหมาฮาจิโกะสักที

เดินไปเดินมา ไม่รู้จะกินอะไร เลยไปจบที่ร้านข้าวหน้าเนื้อ Yoshinoya แทน

ผมก็สั่งข้าวหน้าเนื้อธรรมดา ๆ กับซุปมิโซะ รสชาดเทียบกับของไทย ผมชอบของไทยมากกว่าครับ ของไทยรสเข้มข้นกว่า

เสร็จแล้วผมก็นั่งรถไฟไปยังสถานี Nogizaka เพื่อไปอีเวนท์อีกงานที่ Tokyo Midtown

ผ่านตึกสำนักงานใหญ่ของ Sony Music Entertainment Japan ด้วย ใช่ครับสถานที่นี้แหละคือที่มาของชื่อวง Nogizaka46 ไอดอลของอากิพีที่ปั่นมาเป็นคู่แข่งกับเหล่าวง 48 อื่น ๆ ของแกเอง

ส่วนชั้นล่างนั้นเป็นที่ตั้งของ Sony Music Studios Tokyo ที่เคยเล่าไปตอนรีวิวหูฟัง Sony MDR-EX800ST สตูดิโอนี้เป็นสตูดิโอหลักของ Sony Music ศิลปินของในเครือนี้ส่วนมากก็มาใช้บริการที่นี้กัน

ถ้าใครดูดีวีดีที่มากับซิงเกิ้ล Barrette แบบ Type A ของ Nogizaka46 วิดีโอที่อิคุจังมาเล่นเปียโนและร้องเพลง Kimi no Na wa Kibou กับ Masahide Sakuma ที่เป็นลูกพี่ลูกน้องของพ่อเธอ ก็ถ่ายทำกันที่สตูดิโอนี้ครับ

เดินไปสักพักนึงก็ถึง Galleria ใน Tokyo Midtown แล้ว

ขออนุญาตอธิบายถึง Tokyo Midtown เล็กน้อย Tokyo Midtown เป็นชื่อของกลุ่มตึกและสถานที่ สร้างขึ้นโดยมีแนวความคิดว่าเป็นเมืองขนาดเล็กในเมืองอีกที เหมือนกับ Roppongi Hill ที่อยู่ใกล้ ๆ กันครับ ที่ต้องเรียกว่าเมืองเพราะภายในมันมีทั้งที่อยู่อาศัย อาคารสำนักงาน สวนสาธารณะ ห้างสรรพสินค้า สถานบันเทิงรวมอยู่ในพื้นที่เดียวกันทั้งหมดเลย

ช่วงที่ไปใกล้เทศกาลคริสต์มาสก็จะเจอต้นคริสต์มาสตามสถานที่เหล่านี้

สำหรับอีเวนท์ที่ผมมา คือ Ongaku no Kesshou – Ultimate Experience ของ Sony ครับ งานนี้เป็นงานที่ Sony จัดเพื่อโปรโมท WALKMAN รุ่นใหม่ประจำปี 2013 นี้

โชคดีมากที่ผมมาตอนที่เขากำลังจะเริ่มโชว์พอดี

ในส่วนของการแสดงจะเป็นการใช้ WALKMAN มาสร้าง Chladni figures ในกล่องข้างล่างตัวเครื่อง

สำหรับรายละเอียดของงาน ตามไปอ่านกันได้ที่ RE.V-> เหมือนเดิมครับ

จากนั้นผมก็กลับมาเอากระเป๋าที่สถานี Shibuya แล้วนั่งรถไฟไปสถานี Minami-Senju ซึ่งผมคิดผิดอย่างหนึ่งคือดันนั่งรถไฟของ Tokyo Metro ไป ซึ่งสถานีของ Tokyo Metro ของสายรถไฟที่ผมจะนั่งไป ไม่มีลิฟต์หรือบันไดเลื่อน ผมต้องยกกระเป๋าหนักเกือบ 20 โลเดินขึ้นบันได 3 ชั้น เล่นเอาหลังเคล็ดไปอยู่วันสองวัน

เคราะห์ซ้ำกรรมซัด เนื่องจากผมยังไม่สามารถต่ออินเตอร์เน็ตเปิดแผนที่นำทางดูได้ ผมเปิดแผนที่เป็นไฟล์ในเครื่อง แล้วเจอเจ้าหน้าที่สถานีรถไฟบอกทางผิด เดินไปผิดทางประมาณ 1 ช่วงถนน จนได้ตำรวจในป้อมช่วยบอกทางผม จนกลับมาที่โรงแรมที่ผมพักได้

พอเช็คอินเข้าห้องเรียบร้อย ได้ SIM มาใส่ Xperia S เรียบร้อย แต่ดันใช้ไม่ได้เพราะมีสัญญาณแต่ต่อ data ไม่ได้ ผมก็ไปตามแปลนต่อคือหาซื้อฟิลเตอร์ PL สำหรับเจ้า RX100 ที่อากิฮาบาระ แล้วค่อยไป TOKYO SKYTREE

แต่เนื่องจากผมดันลืมบัตรรถไฟไว้ที่โรงแรม ต้องเดินกลับไปเอาใหม่ กว่าจะมาถึงอากิบะก็เป็นช่วงร้านรวงเขาเริ่มปิดกันแล้ว ผมก็ไปเดินหาฟิลเตอร์ตาม Yodobashi และ Sofmap ซึ่งฟิลเตอร์ยี่ห้อที่ผมจะเอาคือ Sony ไม่มีของเลย เลยตัดสินใจซื้อฟิลเตอร์ Zeta EX ของ Kenko มาแทน เพราะไม่งั้นเสียเวลามาก

ดูเวลาอีกที ดูแล้วไป TOKYO SKYTREE  ไม่ทันล่ะ เลยลองหาของกินแถว ๆ นั้นดู เล็ง ๆ AKB48 Cafe ที่คราวที่แล้วมาแต่ไม่ได้กินไว้ แต่คนเข้าคิวเยอะก็เลยผ่านไป

ว่าแล้วก็นั่งรถไฟกลับโรงแรม

ระหว่างทางกลับ เห็นมีคนมาเล่นไลฟ์หน้าสถานีด้วย

เนื่องจากผมไม่รู้จะกินอะไรดี ข้าวเย็นมื้อแรกของที่นี้เลยอุดหนุนสปาเก็ตตี้มีทซอสจาก Lawson มา

มีชีสป่นให้โรยด้วย รสชาติโดยรวมอร่อยดีครับ แต่เริ่มเย็น เพราะระยะทางเดินกลับโรงแรมมันไกล

ตอนหน้า ผมจะพาไปเที่ยวห้าง Aeon Mall ที่เมือง Tsuchiura กันครับ