โผล่ออกมาจะเป็น Jodogahama Marine House ซึ่งจะให้บริการเรือพาชมถ้ำสีน้ำเงินซึ่งเป็นสถานที่ขึ้นชื่ออีกอย่างของหาดนี้
ดูจากเวลาที่มีอยู่ คิดว่าไม่น่าพอสำหรับบริการทัวร์ต่าง ๆ ผมจึงค่อย ๆ เดินตามทางเดินริมชายฝั่งไปเรื่อย ๆ จนถึงตัวหาด
ตอนเดินต้องระมัดระวังคลื่นที่เข้ามาซัดกับทางเดิน เพราะเวลาคลื่นกระทบกับทางเดิน น้ำทะเลกระเซ็นขึ้นมาสูงมาก วิธีสังเกตง่าย ๆ คือ ถ้าช่วงไหนของทางเดินเปียกน้ำ ตรงนั้นคือมีคลื่นซัดเข้ามา
ระหว่างทางจะเจอเกาะหรือโขดหินรูปทรงแปลก ๆ อยู่ในทะเล
ตรงบริเวณบนหน้าผาจะมีจุดสำหรับให้เราชมวิวจากชายฝั่งด้วย
เดินมาจนสุดทางเดินก็จะเจอหาด Jodogahama และ Jodogahama Rest House ที่ให้บริการอาหารและเครื่องดื่ม
สำหรับคนที่ไม่อยากลงเดินจาก Visitor Center สามารถนั่งรถบัสหรือปั่นจักรยานต่อมาลงตรงหาดได้เลย
พื้นของหาด Jodogahama จะไม่ได้เป็นทรายเหมือนอย่างหาดในบ้านเรา แต่จะเป็นหินกรวด ซึ่งจะต้องใช้ความระมัดระวังในการเดินหน่อย เพราะถ้าล้มไปคงเจ็บแน่ ๆ
ชื่อ Jodogahama นั้นมีความหมายว่าดินแดนอันบริสุทธิ์ ซึ่งมีที่มาจากพระชื่อ Reikyo ได้เปรียบเทียบความสวยงามที่เกิดจากการตัดกันระหว่างโขดหินแหลมสีขาว ต้นสน และน้ำทะเลสีน้ำเงินเข้มเหมือนดั่งสวรรค์นั่นเอง
ผมอ่านข้อมูลจากเว็บไซต์การท่องเที่ยวของ Iwate เห็นว่า หาดนี้สามารถลงไปว่ายน้ำเล่นได้ แต่ตอนที่ไปผมยังไม่เห็นใครลงไปว่ายนะ คงเพราะอาจจะยังไม่ถึงฤดูร้อนที่คนญี่ปุ่นมักจะมาเล่นน้ำกัน และดูท่าทางคลื่นวันนั้นน่าจะแรงมาก
ผมอยู่ถ่ายรูปที่นี้สักพัก คิดว่าได้เวลาอันสมควรแล้วก็เดินกลับไปยัง Visitor Center เพื่อกลับไปเอาจักรยาน จะได้ปั่นกลับไปที่สถานี
ตอนหน้า ผมจะพาไปกินข้าวบนห้างในเมือง Miyako กัน ใครที่สนใจก็อย่าลืมติดตามอ่านกันนะครับ
Pingback: ตามรอยละคร Amachan : นั่งรถไฟ Sanriku Tetsudo ไปเมือง Kuji | Silhouette Garden