เข้าสู่ทริปไต้หวันวันที่ 2 ของผม ซึ่งตามแปลนแล้ว วันนี้เป็นวันที่ผมต้องไปทำงาน แต่เนื่องจากผมยังมีเวลาว่างในช่วงเช้าอยู่ ไม่รู้จะไปไหนดี เลยขอคำแนะนำจากเจ้าหน้าที่โรงแรม ก็เลยได้มีโอกาสมายัง Huashan 1914 Creative Park ที่จะเล่าถึงในโพสนี้ครับ
Huashan 1914 Creative Park เป็นสถานที่จุดศูนย์รวมกิจกรรมด้านศิลปวัฒนธรรมและความคิดสร้างสรรค์ใจกลางกรุงไทเป ในอดีตเคยเป็นโรงงานผลิตเหล้ามาก่อน ก่อนที่ตัวโรงงานจะถูกย้ายออกไป จนเหลือเพียงตัวอาคารที่ถูกปล่อยร้างไป ในภายหลังได้มีเหล่าศิลปินมาใช้ที่นี้เป็นสถานที่ในการแสดงผลงาน ทำให้ภาครัฐปรับปรุงสถานที่นี้ขึ้นมาใหม่ตามที่เห็นในปัจจุบันครับ
เนื่องจาก Huashan 1914 Creative Park อยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลจากโรงแรมที่ผมพัก ผมจึงสามารถเดินจากโรงแรมประมาณ 10 – 15 นาที จนมาเจอกับส่วนอาคารอิฐแดงที่อยู่ทางทิศตะวันตกพอดี
ส่วนอาคารอิฐแดงนั้นในอดีตเคยเป็นโรงงานผลิตการบูร ปัจจุบันกลายเป็นห้องโถงสำหรับจัดงานอีเวนท์ต่าง ๆ และยังเป็นสถานที่สำหรับการถ่ายภาพอีกด้วย
ผมเดินถ่ายรูปตรงอาคารอิฐแดงอยู่สักพัก ก็เดินต่อไปยังส่วนโรงงงานผลิตเหล้า ซึ่งมีจุดเด่นคือปล่องสำหรับหม้อต้มนั่นเอง
สถานที่แรกที่ผมเจอในบริเวณนี้คือโรงภาพยนตร์ SPOT-Huashan ซึ่งเป็นโรงภาพยนตร์ที่ฉายหนังจากผู้ผลิตอิสระ
ตอนที่ไปเป็นช่วงที่หนังอนิเมชั่นชื่อดังอย่าง Kimi no Na wa กำลังเข้าฉายที่ไต้หวันพอดี ด้านนอกโรงเลยมีแสตนด์พร้อมจอสำหรับฉายตัวอย่างหนังให้ชมกัน
ผมเดินผ่านโรงหนังก็จะเจออาคาร E3 ซึ่งตอนที่ไปนั้นก็ยังไม่เห็นเขาจัดกิจกรรมอะไร แต่ตอนนี้ส่วนนี้เปิดเป็น Huashan Laugh and Peace Factory แล้ว
ที่อยู่ใกล้กันคือกลุ่มอาคาร E2 ซึ่งประกอบด้วยอาคาร 4 อาคารติดกัน เป็นรูปที่เวลาใครค้นเกี่ยวกับที่นี้จะต้องได้เห็นกัน
มองกลับมาฝั่งที่เพิ่งเดินมา อาคารตรงกลางคือโถงจัดแสดง Legacy Taipei อาคารทางขวาก็คือโรงหนังที่เพิ่งเดินผ่านมา
ผมพบว่าที่นี้เขาเปิดให้คนเข้ามาถ่ายรูปแบบจริงจังแต่ไม่ได้นำไปใช้เพื่อการค้าด้วย ใครสนใจก็สามารถศึกษารายละเอียดและลงทะเบียนล่วงหน้าได้ที่เว็บไซต์ของเขา
ในขณะที่ผมกำลังจะเดินกลับ ผมก็พบร้าน Sony สาขา Huashan Square เลยถือโอกาสแวะเพื่อซื้อของนิดหน่อย
ภายในร้านจะจัดแสดงและจำหน่ายสินค้ากลุ่มกล้องถ่ายรูป, Personal Audio และที่เด็ดสุดสำหรับผมคือสินค้ากลุ่ม Life Space UX ที่ไม่ได้มีการนำเข้ามาจัดจำหน่ายในไทย
ส่วนตัวผมคิดว่าสินค้า Sony ที่วางขายที่ไต้หวันไม่แตกต่างจากสินค้า Sony ที่ไทยมากนัก เพียงแต่จะมีสินค้าบางตัวที่บ้านเราไม่นำเข้ามาจำหน่าย รวมทั้งราคาสินค้าที่นี้ถูกกว่า แต่ก็ถูกกว่าไม่มากนัก ขึ้นอยู่กับว่าเป็นสินค้าตัวไหนมากกว่า
การตกแต่งของร้านสาขานี้จะเน้นความเป็นธรรมชาติ เน้นการใช้วัสุดไม้และการตกแต่งแบบวินเทจ เพื่อให้เข้ากับบรรยากาศของอาคารเก่า จะแตกต่างจาก Sony Store ซึ่ง Sony Store ที่ไต้หวันจะตกแต่งออกมาคล้าย ๆ กับ Sony Store ของบ้านเรา
มุมด้านหนึ่งภายในร้านถูกจัดเป็นมุมสำหรับการถ่ายรูป ซึ่งในมุมนี้จะถูกตกแต่งออกมาในแนววินเทจด้วยสินค้าเก่าของ Sony รวมไปถึง Atchan หรือ Sony Boy มาสคอตในปี 60 ของ Sony ที่เปิดตัวพร้อมกับวิทยุรุ่น TR-6
หลังจากซื้อของเสร็จ ผมก็ไม่ลืมที่จะเอาสมุด MUJI ที่ซื้อวันก่อนหน้า มาประทับตรายางที่ระลึกของร้าน
ได้เวลาอันสมควร ผมก็เดินย้อนกลับทางเดิมซึ่งจะผ่านสวน Central Art Park และบริเวณอาคารอิฐแดง กลับไปยังโรงแรมเพื่อไปเริ่มทำงาน
ทั้งหมดนี้ก็คือกิจกรรมในทริปวันที่ 2 ของผม ตอนหน้าผมจะเขียนถึงการไปเดินเล่นในสถานที่ยอดฮิตอย่างเมืองโบราณจิ่วเฟิ่น อย่าลืมติดตามกันนะครับ
Pingback: ลองฟัง IER-M9 และ IER-M7 หูฟัง In-Ear Monitor ใหม่จาก Sony | RE.V –>