การเดินทางขึ้นไปยังด้านบนของ Schlossberg สามารถทำได้ 3 วิธีคือ รถราง Schlossbergbahn funicular (ฟรีสำหรับคนที่ถือตั๋วรถไฟ Zone 1), ลิฟต์ Schlossberg lift (ค่าขึ้น 2 ยูโร) และเดินขึ้นบันไดที่อยู่ด้านนอก
ผมเองพอมีเวลาเลยเลือกที่จะเดินบันไดขึ้นมา ซึ่งก็ถือว่าเหนื่อยใช้ได้ แต่ระหว่างทางก็จะได้เห็นวิวของตัวเมืองที่อยู่เบื้องล่างด้วย
เมื่อขึ้นมาถึง ผมก็พบหอนาฬิกา Uhrturm ซึ่งหันหน้าออกไปยังวิวเบิ้องล่างของเมือง Graz
จากตรงนี้เราสามารถเห็นอาคารพิพิธภัณฑ์ศิลป์ Kunsthaus Graz หนึ่งในสถานที่สำคัญของเมืองด้วย
ตอนที่ผมไป เขาได้มีการจัดแสดงผลงานศิลป์ Liquid Truth ทีได้รับแรงบันดาลใจจากคำกล่าวที่ว่า “truth is the daughter of time”
ผลงานนี้จะนำข้อมูลจาก Twitter ที่ใส่ hashtag #fake และ #truth มาฉายลงบนหน้าปัดของหอนาฬิกา เพื่อแสดงถึงความลื่นไหลของความจริงในยุคดิจิทัล
นอกจากหอนาฬิกาแล้ว ข้างบน Schlossberg ยังมีร้านอาหารและคาเฟ่หลายร้านให้เลือกใช้บริการกัน
หลังจากลงมาจาก Schlossberg แล้ว ผมได้แวะไปห้าง Kastner & Öhler ซึ่งอยู่บนถนน Sackstrasse ที่เดินผ่านมา
ส่วนตัวคิดว่าเป็นห้างที่ตกแต่งและจัดของได้ดูน่าสนใจดี ให้ความรู้สึกเหมือนห้างหรู ๆ ในบ้านเรา ต่างจากห้าง GALERIA ที่มิวนิค ซึ่งให้ความรู้สึกเหมือนห้างสมัยก่อน
หลังจากที่ผมเดินเล่นและเสร็จธุระที่นี้แล้ว ผมก็เดินกลับมาขึ้นรถรางที่ป้าย Hauptplatz-Congress เหมือนเดิม เพื่อกลับไปยังที่พักครับ
และทั้งหมดนี้ก็คือทริปเที่ยวยุโรปที่ผมได้มีโอกาสไปมา จริง ๆ แล้วผมอยากจะเขียนถึงเหล่าร้านขาย Eurorack ที่ผมไปมาด้วย แต่ขณะที่เขียนโพสนี้ (ปี 2023) หน้าร้านที่ผมเคยไปได้ทยอยปิดตัวไปแล้ว ทั้ง JustMusic ที่เยอรมนีและ RAW VOLTAGE ที่ออสเตรีย ผมเลยขอจบบล็อกเที่ยวยุโรปครั้งแรกของผมแต่เพียงเท่านี้ครับ
ในช่วงหลังมานี้ผมเองงานยุ่งมาก ถ้ามีโอกาสก็จะกลับมาเล่าประสบการณ์การเดินทางมาให้ได้อ่านกันอีกครับ
ขอบคุณมากมาก เลยคะ สำหรับข้อมูล กำลังไปเที่ยวกันเอง สามคนพ่อแม่ลูก ตุลาคม 2567 นี้คะ