วันที่ 6 ของทริป ผมได้วางแผนกลับไปเที่ยว Tokyo Disney Resort อีกครั้ง แต่เปลี่ยนจาก Tokyo Disneyland ที่ไปมาเมื่อคราวที่แล้ว เป็น Tokyo DisneySea แทนครับ
สำหรับการเดินทาง ไม่แตกต่างจากคราวที่แล้วคือ นั่งรถไฟสาย JR Keiyo หรือ JR Musashino ไปลงที่สถานี Maihama แล้วค่อยต่อรถไฟของ Tokyo Disney Resort ไปยังสวนสนุกต่าง ๆ อีกที เพียงแต่รอบนี้ผมไม่ต้องต่อรถที่สถานีโตเกียว มาต่อเอาที่สถานี Hatchobori แทน
ส่วนตั๋วนั้น ผมซื้อตั๋ว 1-Day Passport จากไทยมาเลย ซึ่งมีข้อดีอย่างหนึ่งคือสามารถใช้เข้าสวนสนุกอะไรก็ได้ 1 ที่ ได้ทุกวัน และเข้าได้แม้กระทั่งวันที่เขาปิดรับคนเข้าเพราะคนใช้บริการเยอะ
การมา Tokyo DisneySea ครั้งนี้ ผมได้เอาประสบการณ์จากการไป Tokyo Disneyland คราวที่แล้ว + การหาข้อมูลเพิ่มเติมอย่างหนัก ทำให้ผมทราบว่าผมต้องมาที่นี้ให้เช้าที่สุดก่อนสวนเปิดเท่าที่จะเป็นไปได้ ผมมาถึงก่อนเวลาก่อนเวลาเปิดประมาณครึ่งชม.
สาเหตุที่ต้องรีบมาก็คือ ผมต้องแย่งชิงตั๋วอำมาตย์หรือ FASTPASS ที่จะทำให้เราไม่ต้องมายืนรอเข้าคิวเครื่องเล่นเป็นเวลานาน ๆ เพียงกดตั๋วช่วงเวลาที่ต้องการจะกลับมาเล่นเท่านั้นเอง
ใน Tokyo DisneySea เครื่องเล่นที่ตั๋ว FP หมดเร็วสุดคือ Toy Story Mania! ซึ่งเป็นเครื่องเล่นยอดนิยมของที่นี้ และคุณจะได้เห็นภาพคนญี่ปุ่นวิ่งเพื่อรีบไปเข้าคิวกดตั๋วกัน ถึงแม้จะมีพนง.คอยตะโกนบอกจากข้างทางว่า “อย่าวิ่งนะคะ” ก็ตาม
ผมเข้าคิวกดตั๋วอยู่ประมาณชม.นึง ได้ FASTPASS ของเวลา บ่ายสามครึ่ง – บ่ายสี่ครึ่ง เวลาที่กดตอนนั้นคือประมาณ 9 โมง
ตั๋ว FP ของ Toy Story Mania! จะแจกหมดกันตอนประมาณ 10 โมงกว่า ๆ ถ้าคุณมาช้ากว่านั้น ก็ต้องเข้าคิวปกติ ซึ่งใช้เวลาเข้าคิวประมาณ 2 – 3 ชม. เพื่อการเข้าไปเล่นไม่ถึง 10 นาทีดี
ได้ FASTPASS ของ Toy Story Mania มาแล้ว ผมก็ชิวได้แล้ว เริ่มต้นไปเข้าคิว Tower of Terror ก่อน
เข้าคิวประมาณชม.กว่า ๆ ถึงได้เข้าไปเล่นครับ ตอนแรกผมคิดว่า Tower of Terror เป็นบ้านผีสิง แต่เปลี่ยนจากนั่งรถเคลื่อนไปเรื่อย ๆ เป็นลิฟต์แทน แถมตอนผมหาข้อมูล มีรายการทีวีนึงบอกว่าตอนที่เราขึ้นไปชั้นบนสุด หน้าต่างจะเปิดออกให้เราเห็นวิวทั่ว TDS ได้ เหมาะแก่การถ่ายรูป
แต่ของจริงมันคุณหลอกดาวมากครับ คือลิฟต์ของที่นี้มันค่อย ๆ เลื่อนขึ้นไปก็จริง แต่ตอนขาลงได้อารมณ์ประมาณว่ามีคนตัดสายลิฟต์ทิ้ง ลิฟต์เลยดิ่งลงมา แถมมีเขย่าขึ้นลงแถมให้อีก 3 – 4 ที แถมแรงก็ไม่ใช่ธรรมดา แบบว่าขนาดคาดเข็มขัดอยู่ ก้นยังยกลอยอยู่กลางอากาศเลย โชคดีมากที่เก็บกล้องไว้ ไม่งั้นมันคงลอยหลุดจากคอไป
ตรงทางออกก็ยังเป็นสเต็ปเดิม ๆ ของ Disney คือร้านขายของ แต่พิเศษหน่อยมีบริการถ่ายรูปช่วงก่อนโดนประหารด้วย
วิธีการสั่งคือให้เรายืนดูตรงหน้าจอไปเรื่อย ๆ จนรูปเราโผล่ขึ้นมา ก็จดเบอร์ไปแจ้งเจ้าหน้าที่ เลือกลายขอบและกรอบ เขาจะออกใบรับให้ จากนั้นก็รอประมาณครึ่งชม. ก็ไปเอารูปที่แคชเชียร์จ่ายเงิน
เจอวงดุริยางค์เล่นเพลงเปิดสวนสนุกด้วย
ป้อมปราการที่ Mediterranean Harbor
ตอนเดิน ๆ อยู่ เห็นคนเข้าคิวอะไรกัน ผมเลยถามเจ้าหน้าที่ดู ปรากฏว่าเป็นคิวสำหรับกดเอาตั๋วชมการแสดง Big Band Beat
ตั๋ว Big Band Beat มีจำนวนจำกัด แต่การแจกจะใช้ระบบสุ่ม ขอแค่มากดตั๋วในเวลาที่กำหนดเท่านั้น ไม่เหมือนตั๋ว FASTPASS ที่ใครมาก่อนได้ก่อน ผมเลือกรอบเย็นสุดเลย 1 ที่นั่ง แล้วก็ได้ตั๋วด้วย ดีใจสุด ๆ
ของหายากของ Tokyo Disney Resort มันคือภาพวาดที่วาดด้วยน้ำ คือบางครั้งคนทำความสะอาดไปเจอแอ่งน้ำบนพื้น เขาจะเอาไม้กวาดไปจุ่มน้ำ แล้ววาดเป็นตัวการ์ตูนโชว์ให้แขกสวนสนุกดู คนที่ได้เห็นนี้โชคดีมาก ๆ ครับ เพราะเขาทำกันไม่บ่อย
ถึงเป้าหมายถัดไป คือการไปเล่นเครื่องเล่น Indiana Jones ในโซน Lost River Delta
สำหรับ Indiana Jones นี้เป็นเครื่องเล่นที่ผมแทบจะไม่ต้องใช้เวลารอเกิน 15 นาทีเลย เพราะมันจะมีคิวพิเศษที่เรียกว่า Single Rider สำหรับแขกที่ต้องการเล่นเครื่องเล่นเพียงคนเดียว ได้เข้าไปเล่นโดยไม่ต้องยืนรอคิวปกติหรือใช้ตั๋วอำมาตย์ครับ
สาเหตุที่มีคิวพิเศษนี้เพราะว่า ที่นั่งของเครื่องเล่นปกติจะเป็นเลขคู่ เช่น Indiana Jone จะมีที่นั่ง 3 แถว แถวละ 4 คน บางทีคนเล่นที่มาด้วยกันมีจำนวนเป็นเลขคี่ ทำให้ที่นั่งอาจจะมีเศษเหลือ แทนที่จะปล่อยที่นั่งวางไว้ เขาก็จะเอาแขกที่เข้าคิว Single Rider มาเติมเพื่อให้ที่นั่งเต็มแทน
และผมก็โดนคุณหลอกดาวอีกครั้ง คือผมดูในเว็บ Indiana Jones นี้จะเป็นประมาณว่าเรานั่งรถ Jeep เข้าไปสำรวจฉากในหนัง ผมก็คิดว่าคงนั่งรถกันชิว ๆ ที่ไหนได้ พี่ขับรถกันแบบว่ากำลังจะหนีตายจากอะไรสักอย่างนึง ผมได้นั่งริมสุดทุกรอบที่เล่น เวลารถเลี้ยวจะรู้สึกว่าเรากำลังจะหลุดออกนอกรถไป แถมยังมีช่วงก่อนประหารชีวิตเหมือนกับ Tower of Terror ด้วย แต่โดยรวมเสียวน้อยกว่าเยอะ
เล่นเสร็จ ผมก็ไปยังโซน Mysterious Island ต่อครับ