ในที่สุดบล็อกเที่ยวญี่ปุ่นรอบสองของผมก็เข้าสู่วันสุดท้ายแล้ว ซึ่งเริ่มต้นทริปวันสุดท้ายด้วยการไปงานจับมือเดี่ยวของ Nogizaka46 ที่ Makuhari Messe ครับ
ปล. เนื่องจากในงานห้ามถ่ายรูป เลยใช้รูปจาก Official Blog ของวงมาใส่แทนในบางช่วงนะครับ
สำหรับงานจับมือเดี่ยวนั้น Nogizaka46 ใช้ระบบเดียวกันกับงานของตระกูล 48 คือ เราจะต้องเลือกคนที่เราอยากจะจับมือล่วงหน้าในวันและรอบที่เราต้องการจากเว็บไซต์ ซึ่งเว็บไซต์ที่วงใช้บริการคือ forTUNE music ซึ่งเป็นเว็บในเครือ Sony Music Entertainment Japan ครับ
เมื่อเราเลือกคนและรอบที่ต้องการแล้ว เว็บไซต์จะทำการสุ่มผู้โชคดีที่จะได้บัตรรอบนั้นอีกที ซึ่งถ้ารอบที่เราลงพลาด เรายังมีโอกาสลงรอบเดิมซ้ำหรือย้ายไปลงรอบอื่นก็ได้ในโอกาสถัดไป ซึ่งปกติทางเว็บจะเปิดให้เราลงได้ 4 ครั้ง และอาจจะเปิดรอบพิเศษตอนใกล้ ๆ วันงาน ถ้าวันนั้นยังมีรอบที่ขายไม่หมดเหลืออยู่อีก
ถ้าเราลงได้สำเร็จ ทางเว็บก็จะให้จ่ายค่าแผ่นเวอร์ชั่นปกติที่จะมาพร้อมบัตรจับมือวัน รอบ และสมาชิกตามที่เราเลือกไว้ หลังจากนั้นพอถึงวันที่ซิงเกิ้ลออก forTUNE music ก็จะส่งแผ่นให้เราตามที่อยู่ที่กำหนดไว้ ถึงขั้นตอนนี้ก็ให้ใช้กำลังภายในต่าง ๆ ให้ตั๋วมันมาถึงมือเราล่ะครับ เพราะทาง forTUNE music ไม่ห้ามคนที่อยู่ต่างประเทศในการซื้อ แต่ของทุกอย่างจะส่งให้กับที่อยู่ในญี่ปุ่นเท่านั้น
เข้าสู่เรื่องการเดินทางไป Makuhari Messe จะต้องนั่งรถไฟสาย JR Keiyo สายเดียวกับตอนไป Tokyo Disney Resort แต่ต้องนั่งเลยไปอีก ซึ่งจากสถานที่ตั้งโรงแรม ผมสามารถนั่งรถไฟตรงไปยังสถานี Hatchobori ได้เลย
แต่พอดีผมเช็คเอ็าท์จากโรงแรมออกมาแล้ว จึงมีกระเป๋าเดินทางติดตัวมา เลยต้องนั่งรถไปยังสถานีโตเกียวก่อน เพื่อฝากกระเป๋าที่ตู้ล็อกเกอร์เสียก่อน
แวะร้าน Zenmai ที่เป็นร้านรวมอาหารข้าวกล่องจากร้านชื่อดังต่าง ๆ อีกทีเพื่อซื้อข้าวเช้ากิน
ตอนแรกอยากกินแซนวิชทงคัสซึมากเลย แต่สุดท้ายก็เลือกแซนวิชแซลม่อนมันบดของ Taimeiken มา
พอดีตอนนั่งบนรถไฟ เห็นในขบวนมีคนหยิบของกินขึ้นมากิน ผมเลยขอกินตามเป็นเพื่อนเขาไป แซนวิชก็โอเคนะครับ แต่ไส้นี้ใส่เหมือนเมืองไทยเลย แอบเสียใจ
ร้าน Taimeiken ที่ทำแซนวิชนี้ ผมกลับมาค้นข้อมูลดู เห็นมีชื่อเรื่องข้าวห่อไข่กับอาหารตะวันตกประยุกต์คล้าย ๆ กับ Rengatei เลย ก็จดโน๊ตเอาไว้เป็นข้อมูล
ถึงสถานี Kaihmmakuhari แล้ว แต่ต้องเดินต่อไปอีกประมาณ 500 เมตรถึงจะเจอ Makuhari Messe
เดินจากสถานีอยู่นานพอสมควร ในที่สุดก็ถึงสถานที่จัดงานแล้ว
ตัวงานจัดอยู่ที่ Hall 4 ตอนไปถึงก็เริ่มมีคนทยอยเข้าไปในตัวงานแล้ว สำหรับงานจับมือเดี่ยวจะเปิดค่อนข้างสายกว่างานจับมือทั่วประเทศ เพราะมีกำหนดการจัดงานชัดเจนจากจำนวนบัตรที่ขายพร้อมแผ่นซิงเกิ้ลไป
ตอนนี้คนในงานที่มีบัตรจับมือรอบเช้าก็ไปเข้าคิวรอหน้าโซนจับมือแล้ว ที่เหลือก็ไปต่อคิวซื้อ Official good ไม่ก็จับจองพื้นที่ขาย – แลกรูป
แต่อย่างไรก็ตาม เนื่องจากในงานวันที่ไป เป็นวันที่แฟน ๆ เขานัดฉลองวันเกิดให้สาว ๆ ที่เกิดในช่วงสัปดาห์ที่ไปพอดี แฟน ๆ บางส่วนที่รวมกลุ่มฉลองวันเกิด จึงได้สิทธิ์เข้าไปตบแต่งเลนและคอกเพื่อเซอร์ไพรส์สาว ๆ ครับ
ป้ายหน้าโซนจับมือ ระบุว่าใครมาเลนไหน ตอนรอบไหนบ้าง เพราะไม่ใช่สมาชิกคนเดียวที่จะอยู่ประจำเลนตัวเองไปตลอด อย่างวันที่ไปโฮชิมินะก็อยู่เลน 19 แค่รอบ 1 และ 2 แล้วกลับเลย
ได้เวลางาน คนก็เริ่มเข้าไปในโซนงานจับมือ ซึ่งสต๊าฟจะขอดูบัตรจับมือที่เราได้มา ถ้ารอบที่ระบุในบัตรไม่ตรงกับรอบที่เปิดให้เข้า ก็เข้าไม่ได้นะครับ
ตอนผ่านเข้าไปในโซน ก็ไปที่เลนของสาวเจ้าที่เรามีบัตรอยู่ ของผมรอบแรกเป็นโฮชิมินะ ตอนไปเจอกับพี่สาวเจ้าหน้าที่ ก็ยื่นบัตรกับพาสพอร์ตไป พร้อมกับท่องประโยคที่คุณโจในทวิตเตอร์บอกไว้ว่า “Kaigai kara Kimashita ga, Nihon de no Juusho wa Nai desu” แปลว่าผมมาจากต่างประเทศ ไม่มีที่อยู่ในญี่ปุ่นครับ
ผมบอกอย่างนี้ไปประมาณครั้งครึ่ง ก่อนที่พี่สาวจะขัดผมเป็นภาษาญี่ปุ่นว่า “ฉีกตั๋วมาค่ะ” ผมก็ยังเงอะงะตอนฉีกตั๋วอยู่ พี่สาวเลยต่อว่า “รอบนี้จะเอาแค่ใบเดียวหรือสองใบคะ” ผมฉีกตั๋วมิจังส่งไปใบนึงก่อน พี่เขาก็เขียนเลข 1 มุมขวาเอาไว้ ก่อนที่ผมจะฉีกตั๋วอีกใบตามไป จนพี่ต้องแก้เลขที่เขียนไปก่อนหน้าใหม่เป็นเลข 2 เพื่อให้คนตรวจบัตรข้างในจับเวลาง่าย ๆ
ถึงแม้จะดูยุ่ง ๆ แต่เป็นอันว่าผ่านด่านที่ยากที่สุดในงานได้แล้ว และเจ้าหน้าที่ใจดีกว่าที่คิดไว้มากเลย สำหรับระยะเวลาในการจับมือต่อบัตรหนึ่งใบคือ 10 วินาทีเหมือนกับตระกูล 48 ครับ
ว่าแล้วก็ไปจับมือน้องโฮชิมินะกัน
Pingback: Nogizaka46 First Album’s Handshake at Tokyou Big Sight – N o g i z a k a 4 6 & M e