ความเดิมหลายตอนที่แล้ว ผมได้จองรถไฟเที่ยวเวลาค่อนข้างดึกเอาไว้ เนื่องจากไม่รู้ว่าคอนเสิร์ตของ GEM จะเลิกกี่โมง พอดีงานเลิกค่อนข้างเร็วกว่าที่คิดไว้คือประมาณ 4 โมง ผมเลยต้องรีบไปทำเรื่องเปลี่ยนตั๋วที่สถานีโตเกียว
แต่แย่หน่อยที่รถไฟเที่ยวที่ออกเร็วกว่านั้นถูกจองเต็มหมดแล้ว ผมเลยนั่งรถไฟมาย่านฮาราจูกุ เพื่อแวะไปคาเฟ่ชาเขียวที่ตั้งใจว่าจะมาให้ได้เป็นการฆ่าเวลารอรถไฟไปก่อน
แถวสถานีฮาราจูกุคนเยอะเป็นพิเศษ เพราะมีคนจะไปดูคอนเสิร์ตของ Arashi ที่ Tokyo Dome รอรถไฟใต้ดินจนคิวยาวล้นออกนอกสถานีมาอยู่บนทางเท้า
จากนั้นเดินไปตามถนน Omotesando พอถึงแยกห้าง Tokyu Plaza Omotesando Harajuku ที่วง Nogizaka46 ใช้ถ่ายทำ PV เพลง Sekai de Ichiban Kodoku na Lover ก็ให้ข้ามถนนตรงไปต่อ
ร้านจะอยู่ในซอยข้างห้าง GYRE ซึ่งถ้าเดินจากฝั่ง Tokyu Plaza มา ก็ให้ข้ามสะพานลอยใกล้ ๆ Omotesando Hills พอลงมาแล้ว มองไปทางขวาก็จะเจอซอยเลย
พอเข้ามาในซอยแล้ว ให้เลี้ยวซ้ายตรงแยกแรก แล้วเดินตามทางมา ก็จะเจอร้านซึ่งเป็นอาคารทรงโมเดิร์นกว่าอาคารอื่นในระแวกนี้
เมนูของร้านหลัก ๆ คือชาเขียวและของหวาน แต่ก็มีเซ็ตอาหารเที่ยงขายตอนช่วงพักกลางวันด้วย
ส่วนการต่อคิวของร้านนี้ เขาจะให้เราเขียนชื่อลงสมุดที่วางอยู่หน้าร้าน และเลือกว่าเราจะมาทานของหวานหรืออาหารเที่ยง เมื่อมีคนออกจากร้าน พนักงานที่มาส่งก็จะเช็คคิวที่สมุด แล้วก็เรียกชื่อคิวให้เขาไปในร้าน
ตอนที่ไป ข้างในร้านมีคนนั่งเต็มหมด แต่บรรยากาศกลับเงียบสงบกว่าที่คิดไว้ ส่วนมากก็จะพูดคุยกันเบา ๆ
พอดีผมรู้จักร้านนี้จากรายการ Doki Doki Japan เลยสอบถามเมนูที่เขาเอามาให้ชิมในรายการ คือพาเฟต์ พนักงานก็มาช่วยแนะนำให้ ผมเลยสั่งชุด Cha Cha Parfait คู่กับมัชชะเย็น และเลือกไอศครีมที่จะใส่ในพาเฟ่ต์เป็นรสมัชชะ
แค่มัชชะเย็นก็มาเหนือความคาดหมายของผมแล้ว คือเขาชงมัทฉะใสถ้วยตามปกติ แล้วก็คืบน้ำแข็งใส่ถ้วยเลย ตอนแรกนึกว่าจะใส่แก้วมาให้ ว่าแล้วก็รอไอศครีมต่อไป
ระหว่างรอ ผู้จัดการก็ชงเซนฉะเย็น แล้วเอามาเสริฟให้เองที่โต๊ะ เป็นเซอร์วิสจากทางร้านให้ รสชาติจะออกหวานชุ่มคอจากตัวชาโดยตรง ดื่มแล้วสดชื่นมาก
Cha Cha Parfait ถูกนำมาเสริฟ พนักงานก็เลยเอามัชชะเย็นก่อนหน้า ย้ายมารวมอยู่ในถาดเดียวกัน
ก่อนทาน ผมหันไปถามผู้จัดการว่า ชาเขียวที่นี้มีวิธีดื่มอะไรเป็นพิเศษหรือเปล่า เขาเลยอธิบายว่า ปกติแล้วถ้าถ้วยชามีสัญลักษณ์ เราจะต้องหันด้านนั้นเข้าหาตัว แล้วดื่ม แต่ถ้วยชาที่นี้ไม่มีลวดลายอะไร ก็ “Just drink!”
ตัวผมเองเคยทานพาเฟ่ต์ชาเขียวของร้านในไทยมาหลายร้าน ยังไม่เคยเจอพาเฟ่ต์ที่อลังการงานสร้างอะไรแบบนี้มาก่อน ในถ้วยประกอบไปด้วย ไอศครีมมัชชะที่โรยหน้าด้วยใบชาสด ถั่วแดง วาราบิโมจิ ชิราทามะลูกใหญ่ วุ้นบุก มูสนมสด และแผ่นข้าวโพดอบกรอบรสช็อกโกแล็ต
ผมตักคำแรกทาน แบบว่าอร่อยจนแสงพุ่ง คือตัวไอศครีมให้รสชาเขียวมาก ไม่หวานมาก ออกขมนิด ๆ เข้ากันได้กับเครื่องอื่น ๆ ที่เขาใส่มาให้ แต่โดยรวมแล้วทั้งถ้วย รสชาติจัดว่าหวานอยู่ แต่ก็ได้มัชชะที่ชุด ที่มีรสขมชุ่มคอ มาแกล้มตัดความหวานไป
มัชชะชงมาแบบเข้มข้น พอดื่มถ้วยแรกหมด ก็สามารถเอากาน้ำเย็นเทใส่ถ้วย ดื่มได้อีกประมาณ 2 ถ้วยกว่า ๆ รสชาติก็จะอ่อนลงไปหน่อย แต่ก็ยังคงรสขมไว้เหมือนเดิม
ทานเสร็จ ผมก็แวะไปร้าน Onitsuka Tiger ที่อยู่ซอยตรงกันข้าม ไปตามหารองเท้าที่อยากได้ ปรากฏว่าสีที่จะเอาหมดไปแล้ว แล้วค่อย ๆ เดินกลับไปยังสถานีฮาราจูกุ เพื่อนั่งรถไฟกลับไปยังสถานีโตเกียว
ตอนต่อไป ผมจะเขียนถึงการนั่งรถไฟชินคันเซนครั้งแรกของผม คนที่สนใจก็อย่าลืมติดตามอ่านกันนะครับ
Pingback: Japan Trip 3 : ดื่มชาเขียวที่ Ippodo Tokyo สาขา Marunouchi | Silhouette Garden