หากพูดถึงร้านซูชิในโตเกียวที่คนไทยรู้จัก หนึ่งในนั้นก็ต้องมีชื่อของร้าน Sushi Midori หรือชื่อเต็ม Umegaoka Sushi no Midori ซึ่งมีชื่อเสียงเรื่องวัตถุดิบที่สดใหม่ ในราคาที่ไม่แพงมากอยู่แน่นอน
สำหรับสาขาที่ผมไปทานก็คือสาขา Shibuya ซึ่งร้านจะอยู่ที่ชั้น 4 ของตึก Shibuya Mark City ครับ
ความเปลี่ยนแปลงของร้าน เมื่อเทียบกับครั้งที่มาทานก่อนหน้า คือทางร้านเอาคอมพิวเตอร์มาวางหน้าร้านให้กดบัตรคิวแทนพนักงานร้านแล้ว โดยตอนกดบัตรคิวเครื่องจะถามจำนวนผู้ใหญ่ จำนวนเด็ก และแบบของที่นั่งว่า จะนั่งเป็นโต๊ะหรือเคาท์เตอร์
ข้อควรระวังคือ ถ้ามาทานมื้อเย็น ไม่ควรมาดึกมาก เพราะเขาจะปิดแจกบัตรคิวแล้ว อย่างผมเองจะมาทานหลังดูคอนเสิร์ต Ebichu จบตอน 2 ทุ่มครึ่ง ก็เจอว่าเขาปิดคอมแจกบัตรคิวแล้วแล้ว
พอได้บัตรคิวแล้ว ก็มานั่งตรงที่นั่งที่เขาเตรียมไว้ให้ แล้วก็รอเรียกคิว ซึ่งในวันนั้นผมนั่งรออยู่ประมาณชั่วโมงนึง ก็ได้ที่นั่งในร้านครับ
ส่วนมากถ้ามา 1 – 2 คนก็จะได้ที่นั่งตรงเคาท์เตอร์ ซึ่งก็จะมีโอกาสได้ดูเชฟปั้นซูชิให้ดู
เริ่มต้นพนักงานก็เสริฟผ้าร้อนและชาเขียวร้อนมาให้ก่อน
ก่อนหน้านี้ ผมมักจะสั่งชุด Gokujo Makuro Tsukishi หรือชุดรวมซูชิทูน่าไป แต่รอบนี้ผมอยากกินซูชิที่มีหน้าหลากหลายหน่อย ก็เลยเปลี่ยนเป็นชุด Ita-san Omakase Nigiri หรือชุดรวมซูชิตามใจเชฟนั่นเอง
ในชุดนี้ นอกจากไข่ตุ่นที่มักจะให้มาเมื่อสั่งชุดเซ็ตใหญ่ ๆ แล้ว ยังได้สลัดปูมิโซะขนาดเล็กมาอีกด้วย ไข่ตุ่นของเจ้านี้อร่อยอยู่แล้ว ส่วนสลัดนี่หน้าตาดูธรรมดา แต่อร่อย ได้เนื้อปูเต็ม ๆ
จากนั้นก็ถึงตาของจานหลักอย่างซูชิ ที่รอบนี้เสริฟมาให้ทีเดียวพร้อมกัน จำนวน 14 คำ ประกอบด้วย (แถวบน) otoro, ปลากะพง, chutoro, หอยแคลง และหอยเชลล์ (แถวสอง) shirasu, ไข่ปลาแซลมอน, หอยเม่น, ไข่ม้วน, กุ้งโบตั๋น, สาหร่ายคอมบุทอด และขาปูหิมะ แถวสุดท้าย ปลาไหลทะเล และปลาทูน่าสับกับต้นหอม
รสชาติโดยรวมที่ว่าดีทีเดียว เพราะวัตถุดิบที่ใช้ทำสดอยู่แล้ว และมีอุณหภูมิที่พอเหมาะ ส่วนตัวชอบทุกอย่างที่เป็นทูน่า ปลาไหลทะเล กุ้งโบตั๋น และขาปูหิมะ
ซุปของที่นี้ผมคิดว่าเขาจะเปลี่ยนชนิดทุกวัน เพราะมาทาน 3 ครั้ง ไม่เคยได้ซุปชนิดซ้ำกันเลย อย่างรอบนี้ได้ซุปมิโซะสาหร่าย
ด้วยความที่อยากกินปลาทูน่าอีก เลยสั่ง akami มาอีกคำ พร้อมทั้งสั่งแซลม่อนมาลองทานด้วย ทูน่านี่คือไม่ผิดหวัง ส่วนปลาแซลม่อนนี่คืออร่อยกว่าที่คิดไว้ เพราะเนื้อมันไม่มันมากหรือแห้งไปเหมือนที่เคยกินที่ไทย
ของหวานเป็นพุดดิ้งถ้วยเล็ก ช่วยตัดเลี่ยนเหล่าซูชิที่ทานมาก่อนหน้าได้มาก
กินเสร็จแล้ว ผมก็มาเดินดูของลดราคาใน Muji สาขาห้าง Seibu ต่อ เสียดายพวกเสื้อผ้าไม่มีไซส์ที่ผมใส่ได้เลย เลยไม่ได้ของอะไรติดมือมามากนัก
ตอนหน้า ผมจะเขียนถึง NHK Studio Park หนึ่งในสถานที่น่าสนใจอีกแห่งในย่าน Shibuya อย่าลืมติดตามอ่านกันนะครับ
Pingback: เที่ยวญี่ปุ่น 3 : NHK Studio Park ธีมปาร์คที่คอละครญี่ปุ่นต้องไม่พลาด | Silhouette Garden