ช่วงปลายเดือนที่แล้ว ผมได้มีโอกาสไปประชุมงานและพักร้อนที่ไต้หวันอยู่เกือบ ๆ อาทิตย์ ก็เลยขอถือโอกาสลัดบล็อกเที่ยวญี่ปุ่นที่ค้างอยู่ มาเขียนสรุปสิ่งที่ไปเจอมาในทริปนี้เป็นข้อ ๆ เก็บไว้เสียก่อน กันลืม
- ก่อนที่ผมจะไปไต้หวัน ผมได้ลองค้นหาข้อมูลก่อนไป รวมทั้งพูดคุยกับเพื่อน ๆ และคนรู้จักหลาย ๆ คน พอสรุปจุดเด่นของไต้หวันได้คือ เป็นจีนที่มีกลิ่นอายของญี่ปุ่น ผู้คนใจดี อาหารอร่อย การเดินทางสะดวก ค่าใช้จ่ายถูก และผู้คนหน้าตาดีตามแบบฉบับคนจีน
- ผมเองไม่ได้เตรียมตัวเดินทางอะไรเป็นพิเศษ เพราะช่วงก่อนไปงานยุ่งมากเลยได้แต่ศึกษาสถานที่ท่องเที่ยวที่สนใจ แล้วจดเก็บไว้ แต่ไม่ได้วางแผนแปลนการเดินทางเหมือนตอนไปญี่ปุ่น ที่จดละเอียดแม้กระทั่งค่ารถไฟที่ใช้เดินทาง ส่วนเงินก็แลกไปไม่เยอะ เพราะค่าโรงแรมก็จ่ายไปก่อนหน้าแล้ว และผมเองก็ไม่รู้ว่าจะไปซื้อของอะไรที่นั่น แต่สุดท้ายก็เกือบไม่พอ
- ความโชคดีของทริปนี้อย่างหนึ่ง ก็คือช่วงที่ไปเป็นระยะเวลาที่ทางไต้หวันได้ทดลองยกเว้นวีซ่า (Visa-Exempt) ให้กับคนไทยที่ไปท่องเที่ยวหรือติดต่อธุรกิจพอดี เลยไม่ต้องไปจัดการเรื่องวีซ่าให้เสียเวลา ส่วนตอนเข้าตม.ที่นั้น เจ้าหน้าที่ก็ไม่ได้ถามอะไรเป็นพิเศษ แค่ถ่ายรูปกับสแกนนิ้ว ก็ผ่านออกมาได้แบบไม่มีอะไร แต่ผมเองก็เตรียมเอกสารต่าง ๆ ที่เขาจะเรียกดูไปเต็มอัตราเผื่อไว้ด้วย
- เรื่องการเดินทางนั้น หากเป็นในไทเปจะสะดวกมาก เพราะมีทั้งรถไฟใต้ดินและรถบัสให้บริการอยู่ ซึ่งสามารถขึ้นได้ไม่ยาก สายรถไฟไม่ซับซ้อนเหมือนญี่ปุ่น แถมค่าโดยสารจัดว่าถูกเมื่อเทียบกับบ้านเรา ส่วนแท็กซี่นั้น ถ้าไม่ได้นั่งไปไหนใกล้ ๆ และไปกันหลายคน ก็จัดว่าแพงอยู่ ราคาเริ่มต้นอยู่ 70 TWD และราคาจะค่อย ๆ เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ส่วนการเดินทางไปต่างจังหวัดและสนามบินเถาหยวน ก็จัดว่าสะดวก เพราะมีทั้งรถบัส, รถไฟปกติ และรถไฟความเร็วสูงให้บริการตามความรวดเร็วที่ต้องการ ในราคาที่ไม่ทำให้กระเป๋าฉีก
- สถานที่ท่องเที่ยวต่าง ๆ ในไต้หวันนั้น จัดว่าครบทุกรสชาติ ใครอยากไหว้พระ ใครอยากเที่ยวธรรมชาติ ใครอยากดูพิพิธภัณฑ์ ใครอยากเที่ยวแบบฮิป ๆ ใครอยากตะลอนกิน ใครอยากช็อปปิ้ง ที่นี้ตอบโจทย์ได้ทั้งหมด แต่จะถูกใจมากน้อยแค่ไหนก็คงจะเป็นอีกเรื่องหนึ่ง
- สำหรับคนที่ชอบช็อปปิ้ง อาจจะต้องระวังเรื่องเงินกันเล็กน้อย เพราะถึงแม้ว่าดอลลาร์ไต้หวันจะมีมูลค่าใกล้เคียงกับเงินบาทเรา แต่จริง ๆ มูลค่าเขาจะมากกว่าเราอยู่เล็กน้อย (ช่วงที่เขียนคือประมาณ 0.14 – 0.15 บาท) เอาเข้าจริงของบางอย่างที่เห็นที่นั้น ราคาอาจจะไม่ได้ถูกจริง ๆ ก็ได้ โดยเฉพาะถ้าใช้บัตรเดรดิตจ่ายซึ่งต้องมี % อัตราแลกเปลี่ยนเพิ่มเติมมาอีก
- เรื่องอาหารการกิน แน่นอนว่าอาหารจีนและอาหารทะเลคือเป้าหมายอันดับหนึ่งของหลายคน แต่คนที่ไม่ถนัดอาหารจีน ก็ยังมีตัวเลือกอาหารญี่ปุ่นให้เลือกทานอีก ซึ่งในไทเปนั้นคล้ายกับกรุงเทพ ฯ บ้านเราที่ร้านอาหารญี่ปุ่นนั้นแพร่หลาย ส่วนแฟน ๆ ร้านสะดวกซื้อนั้น เชื่อว่าทุกคนต้องประทับใจในเซเว่นอีเลฟเวนและแฟมิลี่มาร์ทของที่นี้ ที่มีอาหาร, เครื่องดื่ม, ของทานเล่น และขนมที่มีเอกลักษณ์และแตกต่างจากบ้านเราให้ลิ้มลอง
- ความแปลกอย่างหนึ่งสำหรับของทานเล่น, ขนม และเครืองดื่มที่นี้คือ ขนาดมันเยอะมาก แบบว่าเทียบกับบ้านเรา เราสามารถกินมันเป็นอาหารได้จบหนึ่งมื้อเลยทีเดียว เครื่องดื่มบรรจุกระป๋องก็หาค่อนข้างยาก ส่วนมากเจอแต่ขวดครึ่งลิตรเป็นส่วนใหญ่ ผมไปต่างประเทศส่วนมากจะไม่เจอปัญหาเหลืออาหาร – เครื่องดื่มที่ซื้อมา แต่ที่นี้เป็นครั้งแรกที่กินเหลือ จนสามารถเก็บไว้กินแก้หิวในมื้ออื่น ๆ หรือขนกลับมากินต่อที่บ้านได้
- เรื่องของผู้คน ผมคิดว่าส่วนมากที่ไปเจอมา ก็ดูใจดีกันอยู่ มีตั้งแต่เข้ามาถามสารทุกข์สุขดิบ ไปจนถึงอาสาช่วยเหลือเล็ก ๆ น้อย ๆ แต่เป็นที่น่าเสียดายที่ส่วนมากเขาจะคุยเป็นภาษาจีน ซึ่งผมคุยไม่ได้ ก็เลยไม่รู้จะคุยอย่างไร แต่อย่างไรก็ตามในหลาย ๆ ครั้ง ผมถูกคุยเป็นภาษาญี่ปุ่นแทน ซึ่งผมเองก็พอดำน้ำไปได้บ้าง
- อย่างไรก็ตามหากเป็นห้างร้านหรือสถานที่ทางการใหญ่ ๆ เจ้าหน้าที่ส่วนมากจะพูดภาษาอังกฤษได้ในระดับดี – ดีมาก คือสามารถคุยกันจนจบเรื่องได้อย่างถูกต้อง ส่วนภาษาไทยนั้น ตอนที่ไปยังไม่สังเกตเห็นมากนัก เห็นแว๊บ ๆ ที่จิ่วเฟิ่น แต่ผมเองก็มีโอกาสที่ได้คุยกับคนไต้หวันเป็นภาษาไทยอยู่ครั้งหนึ่ง จัดเป็นหนึ่งในความประทับใจเล็ก ๆ ของทริปนี้
- ถ้าไม่นับเรื่องการข้ามถนนไม่ตรงทางข้ามหรือรอสัญญาณไฟ คนที่นี้จัดว่าเคร่งครัดในกฏระเบียบและมารยาทต่าง ๆ อยู่เหมือนกัน เช่น ยืนชิดขวาบนบันไดเลื่อน เข้าร้านอาหารต้องสั่งอาหารครบทุกคน ไม่ทานอาหารในสถานีรถไฟ ฯลฯ ซึ่งหลาย ๆ ข้อนั้นจะตรงกันข้ามกันกับที่ไทย คนที่ไปก็ควรระมัดระวังในจุดนี้ด้วย
สรุปแล้ว ถ้าไม่นับเรื่องงานที่ไป ผมเองก็เริ่มชอบไต้หวันขึ้นมาแล้วเหมือนกัน ถ้ามีโอกาสและทางไต้หวันยังยกเว้นวีซ่าให้อยู่ ก็ยังอยากไปเที่ยวต่อให้มากกว่านี้ ส่วนบล็อกช่วงไปเที่ยวไต้หวันนั้น ผมอาจจะเริ่มเขียนเมื่อเขียนบล็อกเที่ยวญี่ปุ่นรอบล่าสุดเสร็จ ไม่ก็เขียนสลับ ๆ กันไป ใครอยากอ่านแบบไหนก็บอกมาในคอมเมนท์ที่บล็อกหรือที่ Facebook page ได้ครับ
Pingback: เที่ยวไต้หวัน 1 : เริ่มต้นเดินทางกับ EVA Air | Silhouette Garden