หลังจากที่รถบัสได้พาพวกผมจาก Sun Moon Lake มาส่งที่สถานี Taichung แล้ว ยังมีเวลาเหลือก่อนรถไฟออกนิดหน่อย ผมเลยได้ถือโอกาสยืดเส้นยืดสายกันก่อนที่จะขึ้นรถไฟกลับไปยังไทเป
ผมเองเดินเล่นภายในสถานีจนเริ่มเหนื่อยแล้ว ก็เลยแวะ 7-ELEVEN เพื่อหาเครื่องดื่มดำกระหายสักหน่อย
ตั้งแต่มาที่ไต้หวัน ผมยังไม่มีโอกาสได้ลิ้มลองเครื่องดื่มขึ้นชื่อของที่นี้ นั่นก็คือชานม ผมเองได้ซื้อชานมกระบอก Chun Cui He ซึ่งเป็นชานมเจ้าดังที่ขายในร้านสะดวกซื้อ รสชาติจัดว่าโอเค มีความเป็นชา และไม่หวานมากนักตามสไตล์เครื่องดื่มที่นี้ แต่สิ่งที่ผมชอบมากคือปริมาณที่ให้พอดิบพอดี ไม่ได้ขายทีปริมาณมาก ๆ เหมือนเครื่องดื่มอื่น ๆ
พวกผมกลับมาถึงที่สถานี Taipei Main Station ตอนประมาณ 6 โมงครึ่ง หลังจากนั้นผมก็ขอแยกกับคนที่มาด้วยกัน เป็นอันว่าผมได้เริ่มต้นทริปเที่ยวคนเดียวจริง ๆ หลังจากนี้
ผมเองใช้เวลาเดินเล่นอยู่ในสถานีนิดหน่อย และไม่ลืมที่จะซื้อของที่ระลึกอย่างตุ๊กตา Hello Kitty ในชุดเครื่องแบบการรถไฟไต้หวันที่ร้าน Taiwan Railway Shop ตรงประตู West 3 (ที่เดียวกับที่ผมลงรถแท็กซี่ตอนเช้ามืด)
จากนั้นผมก็ย้ายไปเดินดูห้าง SOGO สาขา Fuxing ที่ไปทานข้าวเย็นที่ ติ่น ไท ฟงเมื่อวันก่อน ส่วนตัวคิดว่าบรรยากาศภายในห้างก็เหมือนกับห้างที่มาจากญี่ปุ่นทั่วไป แต่สิ่งที่ผมชอบมากคือสวนญี่ปุ่นที่ถูกจัดที่บนชั้น 9 ซึ่งสวยมากเวลาที่มองจากชั้น 10 และ 11 ของห้างลงมา
ผมเดินเล่นอยู่ถึงประมาณ 2 ทุ่ม ก็ได้เวลาเดินไปทานข้าวเย็นที่ TRASTEVERE ภัตตาคารอาหารอิตาเลี่ยนที่ผมหมายตาเอาไว้ ซึ่งอยู่บนชั้น 11 ของห้าง
ตัวผมเองรู้จักร้านนี้ตอนค้นข้อมูลเกี่ยวกับไทเป แล้วบังเอิญไปเจอเว็บที่เขาเขียนรีวิวร้านนี้พอดี เลยเก็บไว้เป็นตัวเลือก
ภายในร้านจะถูกตกแต่งในสไตล์อิตาลี่ และมีที่นั่งริมกระจกซึ่งสามารถมองลงไปยังสวนญี่ปุ่นที่อยู่ชั้น 9 ได้
พอได้ที่นั่งข้างในร้านแล้ว พนักงานจำนำเมนูมาให้ และถามว่าจะรับน้ำแร่ไหม ผมเลือกน้ำแร่แบบอัดลม S.Pellegrino ไป แล้วปล่อยให้เราเลือกอาหารไปพลาง ๆ
สำหรับอาหารที่ผมสั่งไปนั้น เป็นชุดอาหารเย็นปกติ ซึ่งจะประกอบไปด้วยออเดิฟ ซุป พิซซ่าหรือพาสต้า ของหวาน และชาหรือกาแฟ ในราคา 680 – 820 ดอลลาร์ไต้หวัน โดยเราสามารถเลือกอาหารที่ต้องการได้จากตัวเลือกที่เขามีไว้ให้
หลังจากที่ผมสั่งอาหารไปประมาณ 10 นาที พนักงงานก็นำออเดิฟที่ผมเลือกไว้คือ Antipasto Misto alla TRASTEVERE ซึ่งเป็นจานรวมออเดิฟแบบอิตาเลี่ยน 8 อย่าง เช่น ชีส แฮม ซาลามี่ ซึ่งรสชาติจัดว่าโอเคทีเดียว
หลังจากนั้นเกือบ 10 นาที พนักงานจะนำขนมแบบแข็งและแบบนิ่มมาเสริฟ ให้ทานคู่กับเนยและน้ำมันมะกอก
พอขนมปังมา อาหารที่เสริฟถัดไปก็คือซุป ซึ่งผมเลือกซุปหัวหอมมา รสชาติดีเลยทีเดียว
ส่วนอาหารจานหลักนั้น ผมลังเลว่าจะเลือกทานอะไรดีระหว่างพาสต้ากับสปาเก็ตตี้ แต่พอดีตอนที่ไปเตาอบเสีย เลยไม่ต้องเลือกเยอะ
ผมเองได้เลือก Spaghetti al Pomodoro con Gamberetti e Mozzarella หรือสปาเก็ตตี้กุ้งซอสมะเขือเทศและชีสมอซซาเรลล่าไป ซึ่งรสชาติโดยรวมแล้วดีมาก เส้นลวกมาพอดี กุ้งกรอบ ซอสหวานจากความหวานของมะเขือเทศ ตัดกับความเค็มของชีส
ปิดท้ายด้วยของหวาน ที่ผมเลือก Blueberry Cheese Cake ไป ตัวเค้กถูกเสริฟมากับไอศรีมวนิลา ซึ่งส่วนตัวแล้ว ผมเฉย ๆ กับจานนี้ คือทานแล้วไม่รู้สึกอะไรเป็นพิเศษ
ปิดท้ายมื้อด้วยชาเย็น ซึ่งเขาจะเตรียมน้ำเชื่อมและนมมาให้
โดยรวมแล้ว ผมคิดว่าอาหารที่ TRASTEVERE จัดว่าโอเค ราคาโดยรวมก็จัดว่าอยู่ในเกณฑ์ที่จ่ายไหว ข้อเสียของร้านน่าจะอยู่ที่เรื่องของบริการ ซึ่งตอนผมทำการบ้าน เห็นมีคนบ่นเรื่องนี้อยู่บ้าง เพราะดูเหมือนพนักงานยังไม่ค่อยชำนาญการบริการแบบร้านอาหาร Fine Dining แต่จากที่ผมเจอ พนักงานก็จัดว่าบริการดีในระดับหนึ่ง ใครที่กลัวเรื่องของมารยาทในร้านอาหารลักษณะแบบนี้น่าจะสบายใจได้อยู่บ้าง
ตอนนั่งรถไฟกลับไปโรงแรมที่อยู่ในย่าน Ximending ผมไปเจอร้านขายของที่ระลึกของ Taipei Metro ซึ่งขายสินค้าลาย Majimeow ที่เป็นมาสค็อตรณรงค์เรื่องมารยาทการใช้รถไฟในตอนนั้นอยู่พอดี เลยได้โอกาสซื้อของเก็บไว้เป็นที่ระลึก
เนื่องจากโรงแรมที่ผมพักอยู่ค่อนข้างห่างจากสถานี เลยได้มีโอกาสเดินดูร้านค้าและกิจกรรมต่าง ๆ ในย่านนี้ก่อนถึงโรงแรม เช่น การแสดงดนตรี แบบในรูปข้างบน
สำหรับคนที่ชอบเพลงญี่ปุ่น คุณต้องไม่พลาดที่จะแวะร้านขายซีดีเพลงที่นี้ เพราะที่ไต้หวันจะมีแผ่นเพลงลิขสิทธิ์ราคาถูกขาย ซึ่งเพลงจากค่าย Sony Music Japan ที่นำมาขายที่บ้านเรา ส่วนมากก็จะนำเข้าแผ่นจากที่นี้ไปขายนี่แหละ ตัวผมเองได้แผ่น Kimi no Na wa กับซาวด์แทร็กของ Guilty Crown ที่นี้ในราคาไม่แรงมากนัก (แต่ตอนผมกลับไทยไป เจอ Universal Music บ้านเรา ประกาศราคาแผ่น Kimi no Na wa ถูกกว่านิดหน่อย หลังแอบหักนิด ๆ)
และนี้คือเรื่องทั้งหมดในวันที่ 4 ของทริปไปไต้หวันครั้งแรกของผม ตอนหน้า ผมจะเขียนถึงทริปวันที่ 5 ซึ่งเริ่มต้นด้วยการไปไหว้พระที่วัดหลงซาน อย่าลืมติดตามกันนะครับ