ฝั่งที่คนน่าจะชอบมาถ่ายรูปกัน ก็น่าจะเป็นฝั่ง Marunouchi ที่ยังคงตัวอาคารของสถานีเป็นแบบเดิมอยู่
โรงแรม The Tokyo Station Hotel ที่อยู่ในตัวอาคารสถานีเลย
จากนั้นผมก็ข้ามถนนไปยังห้าง KITTE ซึ่งเป็นห้างของการไปรษณีย์ญี่ปุ่น (Japan Post) ซึ่งเป็นการปรับปรุงพื้นที่ของตึก JP Tower ซึ่งเป็นสำนักงานใหญ่ของตน มาทำเป็นห้างสรรพสินค้า
อนึ่งชื่อห้าง KITTE มีความหมายสองอย่าง คือ Kitte ภาษาญี่ปุ่นแปลว่า “แสตมป์” ซึ่งมันไปพ้องเสียงใกล้ ๆ กับคำว่า Kite ที่แปลว่า “มาหาเราสิ”
ตอนไปส่วนพิพิธภัณฑ์และร้านค้าปิดกันหมดแล้ว เหลือแต่ร้านอาหารชั้นล่างและต้นคริสต์มาสสีขาวที่ยังเปิดให้คนมาถ่ายรูปกันได้อยู่
ถ่ายรูปเสร็จก็เดินไปยังตึก Tokyo Building ที่อยู่ใกล้ ๆ กัน
ชั้นใต้ดินของตึกนี้จะเป็นแหล่งรวมร้านค้าและร้านอาหารในชื่อTokyo Building TOKIA ร้านขึ้นชื่อของที่นี้คงหนีไม่พ้น Okonomiyaki Kiji ซึ่งเป็นร้านโอโคโนมิยากิเจ้าดังจากโอซาก้าอีกร้านหนึ่ง ตอนไปก็ดึกมากจนทุกร้านปิดไปหมดแล้ว เหลือร้านนี้ร้านเดียวที่ยังมีคนเข้าคิวยาว ๆ อยู่
ขากลับเดินทะลุจากข้างหลัง KITTE ออกมาเลย ไม่ต้องตากลมหนาว
พอไม่มีอะไรแล้ว ก็เดินกลับไปสถานีโตเกียว เอากระเป๋าออกจากตู้ล็อคเกอร์ เพื่อเดินทางไปสนามบินฮาเนดะ
การเดินทางไปสนามบินฮาเนดะ เราจะต้องนั่งรถไฟมาลงที่สถานี Hamamatsusho ก่อน ลงรถมาเจอรูปปั้นเด็กฉี่ยืนต้อนรับอยู่
จากนั้นก็ไปต่อรถไฟรางเดี่ยว Tokyo Monorail เพื่อไปยังสนามบินอีกที
ตอนแรกที่เห็นสถานี เตรียมด่าในใจว่า รถไฟไปสนามบิน แต่พี่ไม่มีลิฟต์นี้นะ หันหลังไปเจอลิฟต์พร้อมที่กั้นเลย เอาบัตรแตะแล้วก็ลากกระเป๋าเข้าลิฟต์ไป
แล้วก็ยืนรอรถไฟมา ซึ่งใช้เวลาไม่มากนัก แต่ช่องว่างระหว่างชานชาลาค่อนข้างกว้าง ตอนยกกระเป๋าต้องระวังหน่อย
ภายในตู้โดยสารค่อนข้างกว้าง มีที่วางกระเป๋าเดินทางตรงกลางด้วย
ตอนหน้าซึ่งจะเป็นตอนสุดท้ายของบล็อกเที่ยวญี่ปุ่นครั้งที่ 2 ของผมแล้ว จะพาไปเดินดูข้างในสนามบินนานาชาติฮาเนดะกัน ก็อย่าลืมติดตามอ่านกันนะครับ
Pingback: Japan Trip 3 : Goodbye Tokyo. See you next time. | Silhouette Garden