เข้าสู่วันที่ 5 ของทริปยุโรปที่ผมได้ไปมาเมื่อปี 2019 ซึ่งในวันนั้นชาวคณะที่เดินทางร่วมกันได้ตัดสินใจว่าจะไปชมพระราชวังที่มีชื่อเสียงทั้งสองในเมืองมิวนิค ได้แก่ Nymphenburg Palace และ Munich Residence
ซึ่งในช่วงเช้า เราจะเริ่มไปชม Nymphenburg Palace กันก่อน
การเดินทางไปพระราชวังสามารถทำได้หลายวิธี ซึ่งขึ้นอยู่กับว่าเราต้องการจะเริ่มต้นเดินไปยังตัวพระราชวังจากทิศทางใด พวกผมเลือกนั่งรถรางจากสถานี Munich Hauptbahnhof มาลงที่ป้าย Schloss Nymphenburg – München แล้วเดินไปตามถนน Nördliche Auffahrtsallee เพื่อเข้าไปยังตัวพระราชวังทางด้านหน้าฝั่งตัวเมือง
ตั๋วเข้าชมจะจัดจำหน่ายที่ชั้น 1 ของพระราชวัง ซึ่งเราสามารถเลือกซื้อตั๋วเพื่อเข้าชมพระราชวัง Nymphenburg, พิพิธภัณฑ์ Marstallmuseum และ Museum of Nymphenburg Porcelain และ Park Palaces ทั้ง 4 แยกกัน หรือจะซื้อตั๋วแบบรวมเข้าได้ทุกที่ซึ่งจะมีราคาถูกกว่าได้
ตอนที่ผมไป ตั๋วเข้าชมตัวพระราชวัง Nymphenburg และพิพิธภัณฑ์ Marstallmuseum สนนราคาอยู่ที่ 8.50 ยูโร ส่วนการถ่ายรูปภายในเพื่อใช้ส่วนตัวสามารถทำได้โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมเหมือนที่ Sanssouci ที่ไปมาในวันก่อนหน้า
หลังจากฝากกระเป๋าในตู้ที่ชั้น 1 แล้ว เราจะขึ้นมา Great Hall บนชั้น 2 ของพระราชวัง เพื่อเริ่มต้นการเดินชมห้องต่าง ๆ ภายในพระราชวัง
Nymphenburg Palace เป็นพระราชวังฤดูร้อนของผู้ปกครองแคว้นบาวาเรีย ภายในเราจะได้เห็นสถาปัตยกรรมสไตล์ Baroque, รูปภาพ และข้าวของเครื่องใช้ต่าง ๆ ในยุคนั้น
จุดเด่นของพระราชวังนี้ที่ไม่ควรพลาดคือห้องโถง Great Hall ซึ่งเป็นห้องโถงที่ตกแต่งในสไตล์ Rococo และห้องภาพหญิงสาวที่งดงามของ King Ludwig I ที่จัดแสดงภาพวาดของหญิงสาวที่งดงามจำนวน 36 ภาพ
หลังจากเดินชมตัวพระราชวังเสร็จ พวกผมก็เดินออกจากพระราชวังที่ฝั่งสวนเพื่อชมสวน Nymphenburg Park
Nymphenburg Park เป็นสวนแบบ Baroque ที่มีต้นแบบจากสวนของพระราชวัง Versailles ประกอบด้วยพื้นที่ป่าที่มีคลองอยู่ตรงกลาง และพระราชวังอีก 4 แห่งคือ Amalienburg, Badenburg, Pagodenburg และ Magdalenenklause
นอกจากนี้ที่พระราชวังฝั่งตัวเมืองและในสวนนั้นมีน้ำพุที่ทำงานด้วยปั้มน้ำไฮดรอลิกที่มีอายุกว่า 200 ปี ซึ่งเขาจะเปิดระบบปั้มน้ำพุในช่วงอีสเตอร์จนถึงกลางเดือนตุลาคมครับ
ต่อไปเราจะไปชมพิพิธภัณฑ์ Marstallmuseum กัน