อาทิตย์ที่แล้ว ผมได้มีโอกาสแวะไปงาน Experience of ANA ซึ่งเป็นงานที่ทาง All Nippon Airways ได้เปิดโอกาสให้ได้สัมผัสประสบการณ์ของบริการ Business Class ของสายการบิน ว่าแล้วก็ตามไปดูกันครับ
งานนี้จัดที่ Goji Kitchen + Bar โรงแรม Bangkok Marriott Marquis Queen’s Park Hotel ซึ่งบริเวณด้านหน้างานจะมีจุดลงทะเบียนเพื่อรับตั๋วสำหรับแลกอาหารภายในงาน และคนที่ลงทะเบียนล่วงหน้าจะได้สิทธิจับฉลากรางวัลด้วย
ภายในตัวงานจะถูกแบ่งออกเป็น 4 ส่วน ได้แก่ VR Zone, Business Class Experience Area, Tasting Appetizer Zone และ Give Away ซึ่งไม่จำเป็นต้องเข้าตามลำดับครับ
ผมเริ่มต้นจาก VR Zone ซึ่งจะให้เราสวมแว่น VR เพื่อสัมผัสประสบการณ์การเดินทางด้วย Business Class ตั้งแต่อยู่ในเลาจน์ที่ท่าอากาศยานนานาชาตินาริตะ ขึ้นเครื่องบิน จนถึงที่หมายปลายทาง
จากนั้นผมก็ไปยัง Business Class Experience Area เพื่อทดลองนั่งเก้าอี้ Staggered Seat ของ Business Class ที่มีจุดเด่นคือตัวเก้าอี้สามารถปรับให้อยู่ในแนวราบจนสมบูรณ์ได้ และทุกที่นั่งจะอยู่ติดกับทางเดินทั้งหมด เพื่อเพิ่มความเป็นส่วนตัว
เก้าอี้แต่ละตัวจะมีพื้นที่สำหรับวางของเป็นส่วนตัว ไม่ใช้ร่วมกับผู้โดยสารที่นั่งข้าง ๆ ในรูปด้านบน พื้นที่ตรงนั้นใช้จัดแสดงของอำนวยความสะดวกสำหรับ Business Class เช่น รองเท้า ชุดนอน เสื้อหนาว เป็นต้น
ใต้หน้าจอจะเป็นช่องให้เราวางเท้าและช่องสำหรับใส่สัมภาระ
ตอนผมนั่งครั้งแรก นอกจากว่าเก้าอี้ตัวใหญ่กว่าที่เคยนั่ง ก็ยังไม่รู้สึกถึงความพิเศษของมัน แถมยังงง ๆ ว่าเราจะปรับเก้าอี้อย่างไร จนต้องไปหยิบโพยที่เสียบอยู่ข้างเก้าอี้และให้ CA มาแนะนำการใช้งานเก้าอี้
เอาเข้าจริงแล้ว การปรับเก้าอี้นั้นง่ายมาก เพราะเป็นระบบปรับด้วยไฟฟ้า ซึ่งเราสามารถเลื่อนเก้าอี้ไปข้างหน้า – หลัง, กดไฟสัญญาณไม่ให้รบกวน, ปรับตัวรองแผ่นหลังช่วงล่าง, ปรับเอนที่นั่งลง และปรับเอนที่นั่งขึ้น
ผมเองตอนใช้ครั้งแรก ไม่กล้ากดปุ่มค้างหรือแรง ซึ่งจริง ๆ แล้วตอนใช้งานจริง ต้องออกแรงตั้งใจกด เก้าอี้มันก็จะปรับให้ตามที่เรากด
ตัวผมเอง พอได้ปรับตัวรองแผ่นหลังช่วงล่างแล้ว ก็รู้สึกนั่งได้สบายขึ้น ซึ่งเวลาขึ้นเครื่องบินก่อนหน้า ผมจะเอาหมอนที่เข้าให้มาไปรองหลังไว้ ซึ่งก็ไม่ได้ช่วยอะไรมากนัก เพราะหมอนมันนิ่มไป การปรับเอนของตัวเก้าอี้เองก็สามารถทำได้มากกว่าเก้าอี้ของ Economy มาก
ส่วนการปรับที่นั่งจนราบเรียบเป็นที่นอนนั้น ผมได้ลองนอนดูแบบไม่ได้ใส่ที่นอน ก็ยังรู้สึกแปลก ๆ อยู่ ซึ่งเข้าใจว่าคงเพราะไม่มีที่นอนมารองนี้แหละ แต่ถ้าให้จินตนาการตอนอยู่บนเครื่อง นอนแบบนี้ก็ถือว่าสบายกว่าการนั่งหลับบนเก้าอี้อยู่แล้ว
พอได้ลองนั่ง ๆ นอน ๆ บน Staggered Seat จนหน่ำใจแล้ว ผมก็นำเอาคูปองที่ได้ตอนต้นงาน ไปแลกตัวอย่างของอาหารที่เสริฟสำหรับ Business Class ที่ส่วน Tasting Appetizer Zone ซึ่งในวันที่ไปจะเป็นเมนูเต้าหูไข่ใส่สาหร่ายวะกะเมะราดซอสปูและพราลีนมูสกับลูกพีชและเสาวรส
ตอนจะทานก็สามารถนั่งทานที่เก้าอี้ในงานได้เลย ซึ่งในแง่รสชาติก็ถือว่าทำได้อร่อยสมกับ ANA ที่ผมเคยทานมา แต่ที่รู้สึกว่าว่าแตกต่างจาก Economy อย่างชัดเจนคือรูปแบบของอาหารและวัตถุดิบ
โซนสุดท้าย คือโซนถ่ายภาพ ซึ่งหากใครถ่ายภาพแล้วแชร์ลงใน social network แล้วใส่ hashtag ของงาน ทาง ANA จะให้แท็กกระเป๋าหนังที่ระลึกให้ครับ
นอกจากการลองเก้าอี้และอาหารแล้ว ผมยังได้มีโอกาสพูดคุยกับ CA ที่มาในงาน เกี่ยวกับบริการต่าง ๆ ของ ANA ซึ่งก็ได้รับคำแนะนำที่เป็นประโยชน์ด้วย ซึ่งในยุคที่เราสามารถซื้อตั๋วเครื่องบินแบบออนไลน์โดยไม่ได้ต้องพูดคุยผ่านเจ้าหน้าที่ ก็ถือว่าเป็นโอกาสที่ไม่ได้มีบ่อย ๆ ครับ