หลังจากเดินเตร็ดเตร่ในอากิฮาบาระสักพัก ก็ถึงเวลาที่ต้องไปเอาตั๋วเข้าชมการแสดงของสาว ๆ AKB48 ที่เธียเตอร์แล้วครับ
สำหรับการซื้อตั๋วของเธียเตอร์ จะต้องทำการจองล่วงหน้าจากเว็บไซต์ของ AKB48 ก่อน ซึ่งในแต่ละรอบ จะมีตั๋วประเภทต่าง ๆ ที่แตกต่างกัน แต่หลัก ๆ ก็จะมี ตั๋ว Enpou หรือตั๋วสำหรับผู้อยู่นอกเขตโตเกียว ตั๋วสำหรับสมาชิก Mobile site ตั๋วสำหรับครอบครัวและคู่รัก ตั๋วสำหรับผู้หญิง และตั๋วแบบปกติ สำหรับคนที่อยู่ในต่างประเทศก็จะมีสิทธิ์ตั๋ว Super Enpou อีกด้วย
ซึ่งตั๋วแต่ละแบบจะมีระยะที่ต้องกดจองแตกต่างกัน และการลงชื่อจองก็ไม่ได้หมายความว่าจะได้ แต่จะต้องสุ่มรายชื่อคนที่ได้อีกทีนึง ซึ่งถ้าเราได้ เขาจะส่งอีเมลมาแจ้ง พร้อมเวลาไปเอาตั๋วและรอคิวเข้าเธียเตอร์ สำหรับวิธีการจอง แนะนำให้อ่านได้ทีบล็อก AKBanything และเว็บบอร์ด STAGE48 ครับ
อีกอย่างก็คือเราควรเช็ครายละเอียดของรอบนั้นให้ดี ๆ ด้วย เพราะบางรอบอาจจะเป็นสเตจฉลองวันเกิดผู้เข้าชม ซึ่งจะล็อคเอาไว้ให้สำหรับผู้ที่เกิดในช่วงเวลาดังกล่าวเท่านั้น หรือสเตจที่เปิดให้ชมเฉพาะผู้หญิงอย่างเดียว คือตอนเราจะกดจอง ถ้าเงื่อนไขไม่ตรง มันจะไม่ให้กดจองอยู่แล้ว แต่ถ้ารู้ไว้ เราจะได้แปลนแผนการเที่ยวของเราถูกครับ
สำหรับการรับตั๋ว เราเพียงเปิดอีเมลที่เราถูกให้กับเคาท์เตอร์ตั๋วข้างใน และแสดงพาสปอร์ต พร้อมจ่ายเงินค่าตั๋ว 3,000 เยนสำหรับรอบที่ทีม A, K และ B ขึ้น และ 2,000 เยนสำหรับรอบเคงคิวเซย์ หากคนดูเป็นเด็กหรือผู้หญิง จะได้ลดค่าบัตรอีก 1,000 เยน
สำหรับใครที่มีจดหมายหรือของฝากให้กับโอชิเมมเรา ก็สามารถเขียนเอกสารที่โต๊ะทางซ้ายแล้วก็ฝากให้กับเจ้าหน้าที่ได้ สำหรับของที่ห้ามฝาก ถ้าจำไม่ผิดจะเป็นของพวกอาหาร อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ วัตถุอันตรายต่าง ๆ ซึ่งสามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ครับ
ใครมีโอกาสไปเธียเตอร์ อย่าลืมเช็คตรงชั้นเอกสารทางขวา จะมีโบรชัวร์สวย ๆ ให้เก็บกัน วันที่ไปมีแจกการ์ดโปรโมของเกมการ์ด AKB0048 จาก Bandai ด้วย
เนื่องจากยังไม่ถึงเวลาเข้าคิว เราเลยไปหาของกินกันก่อน เนื่องจาก AKB48 Cafe & Shop ก็ยังคนแน่นเยียดเหมือนเดิม ผมเลยแวะส่วนขายของไปซื้อของฝากเพิ่ม แล้วก็กลับไปหาของกินในตึก Akihabara UDX ซึ่งก็ไปได้ร้านไก่ย่าง Kushiyaki-Dokoro KUSHISUKE
ช่วงที่ผมไป ร้านนี้เป็นร้านเดียวที่แทบไม่มีคนเลย เข้าใจว่าร้านแนวนี้ คนเขาไว้กินเหล้ากัน ซึ่งมักจะเป็นช่วงเย็น
สำหรับมื้อนี้ ถึงแม้ร้านจะมีเมนูภาษาอังกฤษให้ แต่ดันเป็นภาษาอังกฤษแบบ Google Translate และไม่มีรูป พวกผมเลยสั่งแบบเซ็ทรวมไก่ย่าง Yakitori Teishoku
พอเซ็ทมาตรฐานมา จนเห็นแล้วว่าไม้ไหนเป็นอะไรย่าง ก็ค่อยชี้ไอของที่ได้มาให้พนง.เขาดู
สำหรับในชุดจะมีไก่ย่างปกติ ไก่บดปนเอ็นย่าง ไก่ห่อใบสักอย่างย่าง แล้วก็เต้าหู ซึ่งรสชาติโดยรวมก็โอเค แต่ซอสย่างที่นี้จะออกเค็ม ๆ ไม่ใช่แนวผมเท่าไร ผมชอบซอสที่ออกหวานมากกว่า
พอกินข้าวเสร็จ ก็เดินกลับไปที่ห้างดองกี้ได้เลย รอบนี้ไม่พลาดไปเดินอ้อมแล้ว
ตอนแรก ว่าจะแวะ AKB48 Shop ที่ชั้นล่าง เพื่อซื้อแท่งไฟก่อน แต่เห็นคนเยอะมาก เลยต้องผ่านเลย เดี๋ยวขึ้นไปเข้าคิวไม่ทัน
ตอนผมขึ้นไป เจอคนที่มาดูเข้าคิวรอเข้าเธียเตอร์กันแล้ว ถึงแม้ตอนผมออกมาวันนี้จะไม่ได้เอากระเป๋าติดตัวมา แต่ดันเผลอไปช็อปที่ Sofmap เลยต้องเสียเงิน 200 เยนค่าฝากของหน้าเธียเตอร์ ซึ่งเราจะต้องไปหยอดเงินใส่ตู้ที่เขาวางไว้บนโต๊ะ จะได้ตั๋วมาสองใบ ยื่นใบนึงให้เจ้าหน้าที่ เขาจะเอาของลงลังแล้วแปะตั๋วเอาไว้ ตอนเรามาเอาของ ก็ให้เอาตั๋วอีกใบยื่นให้เขา
สำหรับการเข้าคิวรอนั้น เขาจะมีเบอร์วางไว้ที่พื้น ซึ่งก็คือเบอร์เดียวกับที่ระยุในอีเมลตอนเอาตั๋ว ให้เราไปยืนในแถวให้ตรงกับตั๋ว แล้วรอเรียกเข้าไป สำหรับพวกผมได้ตั๋วแบบครอบครัว – คู่รักมา ก็จะได้ที่ยืนในแถวพิเศษแยกออกมาจากพวกตั๋วธรรมดา
จากนั้นเจ้าหน้าที่จะเริ่มเอาเครื่องสแกนตั๋วมาสแกน พอสแกนครบหมด ก็จะเริ่มเรียกแถวเข้าไปในเธียเตอร์ ซึ่งจะเริ่มจะเริ่มจากตั๋ว Super Enpou ก่อน แล้วไล่ไปที่ตั๋วครอบครัว – คู่รัก ตั๋วผู้หญิง ตั๋ว Enpou แล้วจึงเรียกพวกตั๋วธรรมดาเข้าไปที่ละแถว
แต่วันที่ผมไป ไม่มีตั๋ว Super Enpou ก็เลยได้เข้าเป็นกลุ่มแรก ซึ่งเขาจะขอพาสปอร์ทมาเช็คอีกทีว่าตั๋วกับคนที่เข้าดูเป็นคนเดียวกันหรือเปล่า แล้วจึงปล่อยเราเข้าไป
ขออนุญาตยืมรูปจาก AKBingo นะครับ ข้างในห้ามถ่ายรูป
สำหรับตั๋วพิเศษต่าง ๆ นั้น เขาจะมีตำแหน่งที่นั่งเตรียมให้เราแล้ว โดยจะมีป้ายที่ระบุประเภทตั๋วติดอยู่ โดย Super Enpou จะได้แถวหน้าสุดทางซ้าย ตั๋วครอบครัว – คู่รักได้แถวกลางที่ 4 ตั๋วผู้หญิงได้แถวกลางที่ 5 และตั๋ว Enpou ได้แถวกลางที่ 6
พอเข้าไปแล้ว เราก็เลือกนั่งที่นั่งไหนก็ได้ที่มีป้ายติดอยู่ พอเรานั่งปุ๊บ เขาก็จะถอดเอาป้ายออกหมด เพื่อที่จะให้ตั๋วธรรมดาเขามานั่ง สำหรับคนที่อยากนั่งแถวหน้า ต้องไปเอาตั๋วธรรมดา แล้วภาวนาให้เขาเรียกแถวเราก่อนนะครับ ถึงจะมีสิทธิไปแย่งที่นั่งกับคนที่อยู่แถวเดียวกับเรา
ขออนุญาตยืมรูปจาก AKBingo นะครับ ข้างในห้ามถ่ายรูป
สำหรับการเลือกที่นั่งนั้น ไม่มีเทคนิคตายตัว เพราะเวทีมันกว้าง แต่ที่นั่งมันติดเวทีและเตี้ยมาก ๆ คือนั่งใกล้ก็ไม่เห็นทั้งเวที นั่งไกลก็โดนคนบัง พวกผมไปครั้งแรก เลือกที่นั่งตรงกลางเลย แต่ผู้หญิงที่เขาตามมานั่งกันริมทางเดินกันหมด
เลยรู้ที่หลังว่าที่ริมทางเดินน่าจะเห็นชัดสุดแล้ว เพราะเราสามารถเอียงคอไปดูที่ทางเดิน ซึ่งไม่มีคนบังได้ แต่การนั่งตรงกลางนี้ยังได้เปรียบที่ว่า เราสามารถใช้กระจกเงาที่ติดอยู่ตรงเสาทั้งสองฝั่ง ในการดูเงาสะท้อนของเวทีในส่วนที่ไกลออกไปได้
นั่งรอคนเข้าเธียเตอร์จนหมดแล้ว ก็ได้ยินเสียงสาว ๆ ประกาศให้ปิดมือถือ ห้ามส่งเสียงดัง ห้ามถ่ายรูป อะไรแบบนี้
และในที่สุดโชว์ก็เริ่มแสดงครับ
น่าเที่ยวมากครับ
Pingback: เที่ยวญี่ปุ่น 2 : ท่าอากาศยานนานาชาติโตเกียว | Silhouette Garden