ถ้าพูดถึงงานเทศกาลไอดอลญี่ปุ่นที่จัดขึ้นในเดือนกรกฎาคม ก็ต้องนึกถึงงานไอดอลอย่าง Idol Yokocho Natsu Matsuri ที่มีไอดอลมาร่วมกิจกรรมคลายร้อนร่วม 100 กว่าวง
พอดีเว็บไซต์อย่างเป็นทางการ ได้ประกาศวันจัดแสดงงานของปีนี้แล้ว ผมเลยขอลัดคิวโพสตามรอย Amachan ด้วยโพสบรรยากาศงานปีที่แล้ว มาฝากเพื่อน ๆ ที่สนใจจะไปงานกันครับ
หมายเหตุ เนื่องจากในงานเขาห้ามถ่ายรูป ผมเลยต้องยืมภาพจาก social network และบล็อกของเหล่าไอดอลที่มาร่วมงานนี้ มาประกอบการเล่าเรื่องแทนนะครับ
หลังจากที่ผมเก็บของเตรียมกลับบ้านและเช็คเอาท์ออกจากโรงแรมที่พักแล้ว ผมได้นั่งรถไฟมาลงที่สถานีโตเกียวเพื่อฝากกระเป๋าในตู้ล็อกเกอร์ แต่เนื่องจากผมมาที่นี้ค่อนข้างสายแล้ว ตู้ล็อกเกอร์ที่ใช้ Suica ชั้นบน ๆ เต็มหมด จึงต้องลงไปใช้ตู้ล็อกเกอร์รุ่นเก่าแบบยอดเหรียญที่ชั้น B2 แทน
เสร็จจากการฝากกระเป๋าแล้ว ผมก็ต่อรถไฟสาย Musashino เพื่อไปยังสถานี Shin-Kiba ซึ่งเป็นสถานีที่อยู่ใกล้กับ Studio Coast สถานที่จัดงานของปีที่แล้ว (ส่วนงานปีนี้จะจัดที่โกดังอิฐแดงโยโกฮาม่าครับ)
ด้วยความที่ผมเสียเวลาหาตู้ล็อกเกอร์ฝากกระเป๋า กว่าไปจะถึงสถานี Shin-Kiba งานก็เริ่มแล้ว แต่ตอนเดินออกมาจากสถานีก็ยังเห็นแถวคนยังต่อคิวเข้างานจนมาอยู่อีกฝั่งของสะพานที่จะไปยัง Studio Coast
ระบบการเข้างานเหมือนกับคอนเสิร์ตของ GEM ที่ Asakasa Blitz คือเรียกตามเบอร์บนตั๋วทีละ 10 เบอร์ ใครซื้อตั๋วก่อน ก็จะได้ตั๋วเบอร์ต้น ๆ ทำให้เข้าไปข้างในงานก่อนได้ ทำให้ถึงแม้ว่างานนี้จะมีการขายตั๋วหน้างาน แต่การซื้อตั๋วล่วงหน้าก็จะได้เปรียบกว่าอยู่ดี เพราะเขาจะเรียกให้เข้างานก่อน ทำให้มีเวลาไปต่อคิวซื้อของข้างใน หรือจองที่ด้านหน้าเวที แถมราคาตั๋วล่วงหน้ายังถูกกว่าด้วย
ส่วนตัวผมเอง ถึงแม้ว่างานนี้จะมาสาย แต่เบอร์ตั๋วของผมอยู่เบอร์ท้าย ๆ พอดี การมาเร็วไม่ได้ช่วยให้เข้างานได้เร็วขึ้น ซึ่งเบอร์คิวของผมถูกเรียกหลังจากการแสดงเปิดงานไม่นานนัก
พอถูกเรียกแล้ว ก็เอาตั๋วให้เจ้าหน้าที่ฉีก ตรวจกระเป๋า แล้วจ่ายค่าเครื่องดื่ม 500 เยน ตามธรรมเนียมของงานที่จัดใน live house ก็จะได้สายรัดข้อมือกับคูปองเครื่องดื่มมา
ทางเข้า – ออกงานคือตรงบริเวณมุมขวาบน (สีดำ)
ภายในงานจะประกอบไปด้วยเวทีแสดง 4 เวที คือ เวทีกลางแจ้ง (สีเขียว) เวทีเต๊นท์ (สีม่วง) เวทีดีเจ (สีฟ้า) และเวทีในร่ม (สีแดง)
เนื่องจากผมยังตื่นเต้นกับงานอยู่ ไปไหนไม่ถูก เลยยืนดูวง JELNO! และ 8 Princess ที่เวทีกลางแจ้ง เพื่อตั้งหลักก่อน
เจ้า PlugAir ยังคงตามมาหลอกเงินกันต่อในงานนี้
พอตั้งหลักได้ ผมก็เริ่มดำเนินตามแผนที่วางไว้ คือไปดูการแสดงของ e-Street ซึ่งเป็นไอดอลฝึกหัดของค่าย iDOL Street ทางฝั่งตะวันออก ที่กำลังจะขึ้นเล่นที่เวทีในร่ม ระหว่างเดินไปเวที เห็นบูธของ iDOL Street ขายรูปสุ่มของ Wa-Suta กับ e-Street แถมบัตรจับมือ เลยจัดมาอย่างละซอง
การแสดงของเวทีในร่ม เริ่มต้นด้วยการนำไอดอลสาย gravure และไอดอลสายปกติบางคน ขึ้นมาเต้นและร้องเพลงบนเวทีในชุดว่ายน้ำ ซึ่งใครที่ดูไลฟ์ผ่าน Nico Nico จะไม่เห็นการแสดงนี้
ไอดอล gravure ที่มาร่วมงานนั้น จะไม่ได้มาขึ้นแสดงตามเวทีต่าง ๆ เป็นหลัก แต่จะไปอยู่ในบริเวณ Gravure Yokocho ซึ่งคนที่สนใจ สามารถซื้อบัตรเข้าไปร่วมกิจกรรมคลายร้อนต่าง ๆ กับพวกเธอได้
ต่อด้วยการแสดงของเด็ก e-Street ซึ่งมีสมาชิกวงรุ่นพี่ที่มาร่วมงานยืนดูอยู่ตรงบริเวณ VIP ตรงที่นั่งคนดูชั้นลอยด้วย ทำให้แฟน ๆ ข้างล่างต่างมองขึ้นมากัน จนฮาจินวง Wa-Suta โบกมือไล่ให้ไปดูรุ่นน้องบนเวทีแทน
ผมยืนดูไลฟ์ของวงอื่นตรงเวทีในร่มไปเรื่อย ๆ จนถึงตอนวง Akamaru Dash☆ เล่น ก็ต้องออกไปนอกอาคาร เพื่อไปงานจับมือของ Wa-Suta
งานจับมือจะจัดอยู่ตรงบริเวณโซนสีชมพู ซึ่งในโซนนั้นจะแบ่งออกเลนจำนวน 14 เลน ซึ่งจะถูกวนเวียนกันใช้โดยไอดอลวงต่าง ๆ ที่จัดกิจกรรมจับมือหรือถ่ายรูป
สำหรับงานจับมือของ Wa-Suta จะจัดที่เลน K และ L ซึ่งสมาชิกประจำเลน K คือ นัจจุงกับมาริ ส่วนเลน L คือ ฮาจิน รีรี่ และรุกะ
พอดีผมเล็งฮาจินไว้ตั้งแต่ตอนเห็นเธอตอนอยู่วง Hanarichu และวิดีโอของ GEM ในปีเก่า ๆ เลยไปเข้าแถวที่เลน L หลังจากที่เข้าคิวตรงเลน K ไปจนเกือบถึงคิวตัวเองแล้ว พบว่าตัวเองเข้าคิวผิดแถว เลยเสียเวลาไปต่อแถวใหม่อีกรอบ
ส่วนเนื้อหาที่คุยนั้น หลัก ๆ ก็คือแนะนำตัวเองว่ามาจากไทยเหมือนเดิม เพราะเพิ่งเจอกันเป็นครั้งแรก เวลาที่ใช้คุยต่อคนมีน้อย และบริเวณที่จัดกิจกรรมเสียงดังมาก เพราะใกล้เวทีเต๊นท์
ตอนเจอฮาจิน พอแนะนำตัวเสร็จ ผมก็บอกไปด้วยว่า ผมเป็นแฟนติดตามผลงานของเขาอยู่ ฮาจินก็ขอบคุณ แล้วก็คุยเรื่องที่มาเครื่องแบบของตัวเอง ชี้ไปที่หูแมว ชุดของตัวเอง แล้วก็อธิบาย จนผมโดนทีมงานลากออกไป
ทีมงานลากผม แล้วก็ปล่อยไว้กับริรี่ ผมก็บอกนางไปว่า คนรู้จักผม เขาเป็นแฟนติดตามผลงานอยู่นะ (ดูเหมือนว่าจริง ๆ ผมน่าจะจำสีสลับกันกับนาจุนมากกว่า) ริรี่ก็ชมว่าพูดญี่ปุ่นเก่งนะ แล้วผมก็โดนลากไปยังสมาชิกคนถัดไป
คนสุดท้ายในแถวคือรุกะ ซึ่งตอนนั้นเสียงจากเวทีดังมาก จนคุยแทบไม่รู้เรื่องแล้ว ผมจำได้คราว ๆ ว่าต้องพูดแนะนำตัวกับเขาหลายรอบ พอจะคุยรู้เรื่อง ทีมงานก็จับผมแยกออกไปแล้ว
พอจับมือเสร็จ คิดไปคิดมาอยากจับมือกับสมาชิก Wa-Suta ที่เหลือด้วย แต่บัตรขายหมดแล้ว เลยพักดื่มน้ำ แล้วเดินเล่นในงานแทน
พอเดินในงานสักพัก ก็ถึงเวลาที่ต้องหาของกินมาดับหิวแล้ว
Pingback: เที่ยวญี่ปุ่น 3 : ชิมต้นตำรับเมนูหอยเชลล์ที่ Osanai Shokudo | Silhouette Garden
Pingback: เที่ยวญี่ปุ่น 3 : ชมละครเวที mixed blessing! ของคณะ ResetLimit | Silhouette Garden
Pingback: Japan Trip 3 : Goodbye Tokyo. See you next time. | Silhouette Garden
Pingback: เที่ยวญี่ปุ่น 3 : ลาก่อนญี่ปุ่น แล้วเจอกันใหม่ | Silhouette Garden