หลังจากเสร็จจากการถ่ายรูปกันดั้มขนาดเท่าตัวจริงที่หน้า DiverCity Tokyo Plaza แล้ว ก็ได้เวลาขึ้นไปยังชั้น 7 เพื่อไปยัง GUNDAM FRONT TOKYO ครับ

สำหรับ GUNDAM FRONT TOKYO จะแบ่งออกเป็นส่วนที่เสียเงิน ได้แก่ DOME-G, Experience Field และ Museum Space และส่วนที่ไม่เสียเงิน ได้แก่ GUNPLA TOKYO และร้านค้าต่าง ๆ สำหรับค่าตั๋วของส่วนเสียเงินที่ซื้อตรงทางเข้าจะอยู่ที่คนละ 1,200 เยนครับ

จริง ๆ ถ้าอยากได้ถูก จะต้องซื้อตั๋วล่วงหน้าผ่านทางเครื่องของ Pia Ticket ที่อยู่ใน 7 – 11 แต่เนื่องจากตัวเครื่องเป็นภาษาญี่ปุ่นทั้งหมด และต้องมีเบอร์โทรศัพท์ที่นั้นด้วย ถึงแม้พวกผมจะได้น้องแว่นน่ารักที่ทำงานพาร์ทไทม์มาช่วยจิ้มให้ ก็ไม่สามารถจองได้ เพราะน้องเขาก็ไม่เป็น จนมาถึงวันจริง ไม่มีคนเลยนี้หว่า ไม่น่าเสียเวลาไปยืนกดเครื่อง

พอได้ตั๋วแล้ว เราก็จะเข้าไปในส่วน DOME-G ซึ่งจะเป็นห้องฉายวิดีโอทรงโดม เวลาดูก็ต้องเกาะราวเหล็ก เงยหน้าดูไปประมาณ 15 นาที

เนื้อหาที่ฉายก็จะเป็นประวัติของเจ้า Real Grade RX-78-2 ขนาด 1:1  สรุปเรื่องราวในโลกของกันดั้ม แล้วก็จะตัดเอาฉากต่อสู้เด่น ๆ มาทำเป็น CG ซึ่งฉากที่เด่นสุดคือฉากที่ nu Gundam ปะทะ Sazabi เพราะเด่นถึงขนาดเอามาขายเป็นกันพลา Ver. GFT ที่จะบอกถัดไปได้

สำหรับคนที่จะเข้าไป DOME-G ต้องเช็คเวลานิดนึงนะครับ เพราะใน 1 ชม. จะฉาย 3 รอบ ถ้าไปไม่ตรงรอบ ก็ต้องรออยู่ในโดมจนมันฉายน่ะแหละ เขาถึงปล่อยออกมา เพราะว่าตั๋วหนึ่งใบ เข้าที่นี้ได้ครั้งเดียวครับ

จบจาก DOME-G เจ้าหน้าที่เขาจะปล่อยพวกเรามาที่ Experience Field ซึ่งจะมีโมเดลต่าง ๆ และจุดถ่ายรูปอยู่

พวกผมเริ่มจากจุดถ่ายรูปกับตัวละครก่อน เวลาใช้งานก็เพียงเลือกซีรีย์และตัวละครจากจอสัมผัสทางด้านซ้าย แล้วก็ไปยืนตรงตำแหน่งที่เขาระบุไว้บนพื้น

ส่วนคนถ่าย เขาจะมีจุดให้ยืนถ่ายรูปบอกไว้เช่นกัน เวลาถ่ายก็จงรีบ ๆ หน่อย เพราะมีเวลาจำกัด พอเวลาหมดก็ต้องไปต่อคิวเพื่อเข้ามาถ่ายใหม่

แต่ว่าเนื่องจากวันที่พวกผมไปกัน แทบไม่มีคนไปเลย พวกผมก็ตั้งป้อมถ่ายรูปกันอย่างสนุกสนาน ผมแอบไปเห็นกลุ่มแฟนกันดั้มหญิงข้าง ๆ ก็ตั้งป้อม กดเครื่องเอาตัวละครชายออกมา แล้วถ่ายรูปพวกเขาเหล่านั้นเป็นไอดอลตัวเป็น ๆ อยู่นานเหมือนกัน

มีห้องนักบินของ Gundam Unicorn ให้เข้าไปถ่ายด้วย

ถ่ายรูปเสร็จ ก็เริ่มมาเดินดูโมเดลต่าง ๆ เริ่มต้นด้วย Core Fighter ขนาด 1:1

รายละเอียดแบบว่าสุดยอดมาก ทั้งข้างนอกและข้างในห้องนักบิน

แบบจำลองสมรภูมิ A Baoa Que ขนาด 1:7500 จากกันดั้มภาคแรก

เนื่องจากข้างในแสงน้อยมาก และ RX100 ช่วงซูมน้อย ถ่ายโมเดลตัวเล็ก ๆ ดีสุดได้แค่นี้

ตู้ RX-78-2 Gundam Projection Mapping เป็นตู้ที่ใช้เครื่องฉาย ฉายพลาโมที่อยู่ในตู้ เพื่อให้แสดงเป็นพลาโมรุ่นต่าง ๆ ที่เคยขายตั้งแต่เริ่มต้น

คือตรงนี้ผมว่าไอเดียดีมาก และการฉายภาพนี้ก็ไม่มีพลาด หรือทาบไม่ตรงเลย

ไฮไลท์ของโซนนี้คือเจ้า Strike Freedom Gundam ขยาด 1:1 ที่พุ่งขึ้นมาจากพื้น แฟน Gundam Seed น่าจะชอบกัน

เราสามารถขึ้นไปถ่ายรูปในห้องนักบินได้ด้วย แต่ต้องซื้อตั๋วข้างล่างหุ่นราคา 2,400 เยน แล้วเราจะได้เข้าไปในห้องนักบิน ซึ่งก็ไม่ค่อยเหมือนกับในเรื่องสักเท่าไร

จากนั้นเสียงของพระเอกคิระก็จะมาแนะนำขั้นตอนการถ่ายรูป และให้สัญญาณในการถ่ายรูป (แน่นอนว่าเป็นภาษาญี่ปุ่นทั้งหมด) ซึ่งเขาจะถ่ายรูปให้ทั้งหมด 2 ใบ เป็นรูปถ่ายธรรมดา 1 ใบ ให้มองไฟในห้องนักบินเวลาถ่าย และรูปแบบ 3 มิติ อีก 1 ใบ ให้มองไปที่กล้องบนเพดาน ซึ่งก็จะมีไฟสัญญาณบอกเช่นกัน พอถ่ายเสร็จก็รอประมาณครึ่งชม. แล้วค่อยกลับมาเอารูป ซึ่งเขาก็จะใส่ในอัลบั้มกระดาษแข็งอย่างดีให้ครับ

เนื่องจากต้องรอรูป พวกผมเลยมาเดินกันใน Museum Space ซึ่งช่วงที่ไปนั้นกำลังจัดนิทรรศการของ Gundam Unicorn เพื่อโปรโมต OVA แผ่นที่ 6 ที่วางขายในเดือนที่ไป

ข้างในก็จะจัดแสดงภาพวาด ภาพร่าง สตอรี่บอร์ด พลาโม เปิดตัวอย่างของแผ่น 6 ให้เราได้ชมกัน สิ่งที่ผมชอบที่สุดคือ ภาพร่างของยานแม่ต่าง ๆ ในเรื่อง เพราะยาน 1 ลำนี้จะมีภาพร่างประมาณแฟ้มเอกสารใหญ่ ๆ กันเลยทีเดียว เรียกว่าใส่ใจกันทุกรายละเอียดจริง ๆ

พอได้รูปที่ถ่ายกับ Strike Freedom Gundam แล้ว ก็ได้เวลาไปช็อปปิ้งที่ Official Shop ตรงทางออก ซึ่งสินค้าหลัก ๆ เลยก็เป็นพลาโมนี้แหละ ซึ่งที่นี้เขาจะขายพลาโมรุ่นพิเศษ Ver. GFT ซึ่งก็คือพวกโมเดลทั้งหมดที่เขาเอามาทำขนาด 1:1 ทั้งหมด โดยความแตกต่างจากรุ่นปกติคือ มันจะมีสติ๊กเกอร์ของมาร์คกิ้งเพิ่มเติมมาให้ และโมเดลบางตัว อย่าง RX-78-2 จะใส่ชิ้นส่วนพิเศษมาให้เปลี่ยนกับชิ้นส่วนปกติ ผมเลยจัด RG Gundam RX-78-2 มาตัวนึง กับสูจิบัตรของที่นี้มา

ต่อไปเราจะไปดูส่วนที่เหลือใน GUNDAM FRONT TOKYO กันครับ