หลังจากที่เดินทางในฮาโกเน่ทั้งวัน ก็ได้เวลาที่จะได้มาพักผ่อนในโรงแรมที่พักกันสักที ซึ่งโรงแรมที่พักนั้นเป็นโรงแรมสไตล์ญี่ปุ่นหรือที่เรียกว่าเรียวกังนั้นเอง
สำหรับโรงแรมที่พวกผมเข้าพักนั้น ผมลองมาหาข้อมูลทีหลัง พบว่าเปิดกิจการกันมาเกือบ 400 ปีแล้ว โดยตามข้อมูล เห็นว่าที่นี้เป็นโรงแรมที่บุกเบิกวงการเรียวกังที่นี้เลยทีเดียว
แต่ถึงจะเปิดมานาน ก็ไม่ได้หมายความว่าของในห้องและสิ่งอำนวยความสะดวกจะต้องเก่าคร่ำครึตามอายุ สิ่งของอำนวยความสะดวกต่าง ๆ มีตามมาตรฐานโรงแรมญี่ปุ่นเลย
บนโต๊ะ จะมีขนมต้อนรับเป็นขนมไส้ถั่วแดงและเม็ดบ๊วยไว้ทานกับชา และยังมีคู่มือการใช้ชีวิตอยู่ในเรียวกังวางอยู่อีกด้วย
สำหรับใครที่ได้ดูอนิเมะเกี่ยวกับโรงแรมเรียวกังอย่าง Hanasaku Iroha จะทราบว่าโรงแรมแบบนี้ นอกเหนือจากที่พักสวย ห้องอาบน้ำจากน้ำพุร้อนแล้ว เรื่องของอาหารก็เด่นไม่ยิ่งย่อน ซึ่งอาหารของโรงแรมเรียวกังจะล็อกเวลาเสริฟชัดเจน คือประมาณช่วง 6 โมงเย็น – 1 ทุ่ม ถ้ามาไม่ทัน ก็อดกินนะครับ ว่าแล้วไปกินข้าวเย็นกัน
สำหรับโรงแรมนี้ จะเสริฟอาหารเย็นที่ห้องอาหาร ไม่มีไปเสริฟที่ห้องพัก โดยเขาจะวางชื่อห้องเอาไว้บนโต๊ะเลย เพราะแขกบางห้องอาจจะสั่งอาหารพิเศษเพิ่มเติมไว้ เช่น ซาซิมิ ปลานึ่งเต้าเจียว ซึ่งอาหารพิเศษแบบนี้ต้องสั่งกันไว้ล่วงหน้าครับ
สำหรับของห้องผม เป็นอาหารเย็นมาตรฐาน คือชุดหม้อไฟหมู ซึ่งเขาใส่ทุกอย่างไว้ในหม้อให้เรียบร้อยแล้ว แค่ให้เขามาจุดแก๊ส รอของสุก ก็สามารถทานได้เลย
สำหรับน้ำจิ้มของชาบูจะมีน้ำจิ้มปอนซุกับน้ำจิ้มมิโซะสาหร่าย ซึ่งปอนซุก็คือน้ำจิ้มรสเปรี้ยว ซึ่งถ้าใครเคยกินชาบูตามร้านในไทยน่าจะรู้จักกันอยู่แล้ว ส่วนน้ำจิ้มมิโซะสาหร่ายนี้อารมณ์คล้าย ๆ ซุปสาหร่ายแบบที่เข้มข้นมาก ๆ ตอนแรกเห็นว่ามันแปลก ๆ แต่พอลองจิ้มกินดู รสจะออกเค็ม ๆ จากสาหร่าย อร่อยทีเดียว
เครื่องเคียงก็ดูหรูหราทีเดียว มีเป็ดรมควัน เต้าหูปลาหมึก และของทะเลดอง รสชาดโอเค แต่ผมกินเป็ดไม่ได้ เลยไม่ได้ทาน ยกให้น้องไป แต่น้องผมก็ไม่สามารถกินเป็ดดิบ ๆ แบบนี้ได้เหมือนกัน เลยต้องแอบเอามันลงไปลวกในหม้อไฟด้วย ซึ่งตอนที่พยายามเอาลงหม้อครั้งแรก พวกผมโดนโอคามิซังเดินมาห้ามไว้ ว่าเขาให้กินทั้งแบบนี้ พอแกเผลอ เราก็รีบเอาเป็ดแช่น้ำทันที
สำหรับจานหลัก นอกเหนือจากหม้อไฟหมู ยังมีเต้าหู้นึ่งสูตรพิเศษของทางโรงแรม ซึ่งมีเต้าหู้ประมาณ 3 ชนิด ทั้งแบบแข็ง แบบนิ่ม ๆ และเหลว ๆ กินกับน้ำจิ้มและพริกหยวกญี่ปุ่นตำอร่อยดีครับ ตอนผมเปิดฝาเข่งถ่ายรูป โดนโอคามิซังคนเดิม ทำหน้าตกใจ เดินเข้ามาตีมือ แล้ววางฝาปิดไปเหมือนเดิม พร้อมบอกว่า “This is my work!” คือหน้าที่เตรียมอาหารบนโต๊ะให้พร้อมทานเป็นหน้าที่ของโรงแรมประมาณนั้น คือตอนทานหม้อไฟ เขาก็มาจุดแก็ส และคลุกของในหม้อจนสุกพร้อมกินเลย
ปลาหมึกห่อใบสมุนไพรย่าง เนื้อปลาหมึกกรอบอร่อยมาก จานนี้ดีทุกอย่าง ยกเว้นเขาย่างปลาหมึกสุกจนกรอบอร่อยเฉพาะเนื้อของมัน แต่ข้างในของมันไม่สุก แน่นอนว่าคนไทยเราไม่คุ้นกับอะไรที่มันไม่สุก ๆ แบบนี้ จากนี้เลยโดนโหวตกันในกลุ่มว่าไม่เวิร์คสำหรับปากคนไทย
สุดท้ายเป็นจานช่วยชีวิตจากปลาหมึกย่างเมื่อกี๊ ปลาทอดราดซอส กรอบนอก นุ่มใน อร่อยแสงพุ่งเลยทีเดียว
สุดท้ายจบด้วยเชอร์เบต รสชาติชวนให้นึกถึงเยลลี่สีขาวนำเข้า ถ้วยเล็ก ๆ ที่ฮิต ๆ ในไทยเมื่อก่อน
สรุปอาหารมื้อเย็น รสชาติญี่ปุ่นดั้งเดิมมาก ๆ แต่บางอย่างนี้มากไป จนเกินความสามารถคนไทยอย่างเรา และถึงแม้จะอร่อยแต่รสชาติของอาหารโดยรวมทำมาค่อนข้างจืด แนะนำแอบซื้อโชยุ พริก 7 รสมาหน่อย ก็น่าจะช่วยให้เอนจอยอาหารได้มากขึ้น
หลังจากทานข้าวเสร็จ ก็ได้เวลาอาบน้ำ แช่น้ำร้อนแก้หนาวกันสักที โรงแรมที่ผมอยู่จะมีห้องอาบน้ำรวม 2 ห้องแยกชาย – หญิง ซึ่งทั้งสองห้องจะใช้น้ำแร่จากคนล่ะแหล่งกัน และก็มีห้องอาบน้ำสำหรับครอบครัว (ใครเล่น LOVEPLUS+ จะรู้จักกันดี คือตอนไปเที่ยวอะตามิแล้วสาวเขามาแช่น้ำห้องเดียวกับเรา ก็คือห้องที่ว่านี้แหละ) ซึ่งจะต้องลงชื่อต่อคิวกัน
เนื่องจากตอนที่จะไปห้องอาบน้ำรวมก็ดันไปเจอคู่แข่งของเราที่อยู่ในห้องนั้นไม่ใช่คนญี่ปุ่น แต่ดันเป็นฝรั่งตัวบิ๊กเบิ่ม เราไม่อยากเล่นนอกลีค เลยล่าถอยออกมา ส่วนห้องอาบน้ำครอบครัวนั้น คือคนไทยไม่นิยมแก้ผ้ากันให้ดู ถึงแม้จะอยู่ครอบครัวเดียวกัน แถมห้องคิวเต็มแล้ว เลยตกไป
สุดท้าย ทุกปัญหาแก้ไขไปได้ด้วยห้องอาบน้ำส่วนตัวในห้อง คือเป็นเรื่องที่โชคดีอย่างนึงที่ ห้องที่ได้มามีห้องน้ำและห้องอาบน้ำในตัว ไม่ต้องไปใช้รวมกันชาวบ้าน และน้ำในบ่อนั้น ก็สูบมาจากน้ำพุร้อนจุดเดียวกับที่ใช้กับห้องอาบน้ำข้างล่างเหมือนกัน ในเมื่อน้ำก็มาจากที่เดียวกัน แล้วทำไมเราต้องไปสู้กับชาวบ้านด้วยล่ะ
แต่ปัญหามันยังไม่จบ เพราะต้องไปแก้ผ้าอาบน้ำกลางแจ้ง แน่นอนว่าไม่ได้อาย เพราะถ้าดูจากรูปจะเห็นว่ามันมืดตื๊อเลยและฝั่งตรงข้ามเป็นป่า ไม่มีคนอยู่แน่นอน แต่ปัญหาคืออากาศข้างนอกในวันนั้น กลางวันยังเข้าใกล้ศูนย์ ตอนนี้คือประมาณศูนย์องศาพอดีเลยครับ
จริง ๆ งานนี้จะสบายกว่านี้ ถ้าเราวิ่งกระโดดลงแช่น้ำไปเลย แต่ตามคู่มือที่ได้มา เราจะต้องอาบน้ำทำความสะอาดร่างกายกันก่อน ซึ่งวันนั้นผมตัดสินใจเปิดก๊อกน้ำร้อนใส่ขัน จนน้ำล้นออกจากขัน แล้วเอาเท้าไปวางตรงนั้น แล้วกวักน้ำร้อนอาบ พร้อมกับรีบเอาแชมพู ครีมนวด และสบู่ของ Shiseido ที่วางอยู่ใกล้ ๆ กัน สระผมและล้างตัวอย่างเร็ว
พอล้างตัวเสร็จ ผมรีบปีนลงบ่อ พร้อมกับพบความสุขแบบใหม่ที่ไม่เคยมีมาก่อน แวกว่ายไปในน้ำร้อนที่อุณหภูมิกำลังพอดี ผมก็นั่งแช่น้ำพร้อมกับมองวิวมืด ๆ แบบนั้นไป 10 กว่านาที ก่อนที่จะปีนขึ้นมาแต่งตัวนอน
สำหรับการนอนของโรงแรมเรียวกัง เราจะนอนบนฝูก ซึ่งในอนิเมะ การ์ตูน และเกมหลาย ๆ เรื่องก็จะมีมุกประมาณว่า พนง.โรงแรมปูที่นอนชิดกัน เพราะเข้าใจผิดว่าเป็นคู่รัก อะไรทำนองนั้น แต่โรงแรมนี้ เราจะต้องเป็นคนยกฝูกมาปูนอนเอง โดยมีคำแนะนำการปูให้จากในคู่มือ
ได้เวลาเข้านอนแล้ว ต่อไปเราบรรยากาศตอนเช้าวันรุ่งขึ้นกันครับ
ขอชื่อโรงแรมหน่อยได้มั้ยคะ
ผมลองค้น ๆ ดู หาชื่อไม่เจอนะครับ ขออภัยด้วย
Ichinoyu Honkan จำห้องน้ำได้คะ
ขอบคุณครับ
แบบมีห้องน้ำในตัวต้องจองห้องแบบไหนค่ะ
ผมคุ้น ๆ ว่า ตอนจองมันจะมีระบุไว้ให้เลยน่ะครับ ว่าห้องแบบไหนมีห้องน้ำให้บ้าง และเป็นแบบบ่อส่วนตัวหรือบ่อสูบเหมือนที่ผมไปมาครับ
ถ้าไม่มีขึ้นมาแสดงว่าห้องเต็มครับ